ในฐานะทีมที่ทำงานกับระบบ Platform, Cloud, และ Infrastructure ที่ใช้ในกระบวนการพัฒนาและ Deployment เรารับผิดชอบเครื่องมือที่ทีม Developer ใช้ในการพัฒนา Service เพื่อส่งมอบไปยัง Production ให้ผู้ใช้งานที่น่ารักของเราได้ใช้บริการที่รวดเร็ว ใช้ง่าย และมีคุณภาพ เราออกแบบ Service ที่รันอยู่ใน Production พร้อมกับ Monitor ให้มันทำงานได้อย่างเสถียร และแน่นอนว่าเราอยากให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างลื่นไหลตลอดทั้ง Workflow
“ที่ผมอยากพูดถึงคือแนวคิดเรื่องความเป็นเจ้าของ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากเกี่ยวกับ S3 และจริง ๆ แล้วก็รวมถึงวิศวกรของ AWS ทั้งหมด เพราะมันคือวิธีที่ Amazon สร้างสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา” ประโยคนี้ที่ Andy Warfield, VP & Distinguished Engineer ของ AWS ได้กล่าวไว้ กลายมาเป็นแนวคิดที่พวกเราได้นำมาใช้จริงในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานของทีม Platform Engineer
Team Ownership ≠ แค่เขียน Code
การเข้าใจ Purpose ของสิ่งที่เรากำลังสร้าง และรู้ว่า Impact คืออะไรถ้ามันใช้งานไม่ได้ การเป็นเจ้าของระบบจริง ๆ มันมากกว่า “ทำงานให้เสร็จ” แต่มันคือ Mindset ที่เราสร้างขึ้นในทุกครั้งที่เราลงมือ Implement ระบบใหม่
ตัวอย่างชัดเจนในงานของเราคือ Jenkins ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้สร้าง Pipeline ให้เหล่า Developer ใช้งานเพื่อ Build และ Deploy Software ฉะนั้น Jenkins จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือทั่วไป แต่คือ Service ที่เราต้องเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ดูแลเรื่องความปลอดภัยของ Server การ Patch และ Upgrade Version อย่างต่อเนื่อง การสร้าง Dashboard เพื่อ Monitor ให้ตรวจสอบและใช้งานได้อย่างราบรื่น
รวมไปถึง Pipeline Code ที่เราเขียนเองก็ต้องผ่านการทดสอบในแต่ละ Use Case พร้อม Document ให้มั่นใจได้ว่า เมื่อเรา Release Pipeline Version ใหม่ออกไป ผู้ใช้งานของเราจะได้เครื่องมือที่ “Work as Expected” ทุกครั้ง
Automation ต้องไม่ใช่แค่ Script
หลายครั้งคนเข้าใจว่า Automation คือแค่การเขียน Script หรือ การเขียน Code พวก Jenkins Pipeline แต่ในโลกของ Platform Engineering แท้จริงแล้ว:
❝Automation = System Design❞
มันคือการออกแบบระบบที่ไม่ต้องพึ่ง Manual Operation สามารถ Scale ได้ รองรับการ Recover และปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น พวกเราพยายามมองหา Solution ที่จะช่วยแก้ปัญหาในงานลักษณะ Routine Work เพื่อที่จะลดงาน Manual ซ้ำซ้อน ลด Human Error หรือ ลด Manual deploy อีกต่อไป และที่สำคัญคือเพิ่มความมั่นใจในด้าน Security และ Compliance ไปพร้อมกัน
ยกตัวอย่างเช่น พวกเราทำงานในรูปแบบ Card-based ผ่าน Jira เราก็พยายามทำ Automation โดยใช้ Jira Webhook ร่วมกับ Jenkins เพื่อ Trigger ให้ Jenkins Execute Task ต่าง ๆ ที่เขียนไว้ใน Pipeline ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการ Add User หรือการ Stop/Start เครื่องในเวลานอกทำการ ซึ่งมักจะเป็น Request พิเศษ
รูปจาก : https://www.jenkins.io/
การทำ Automation แบบนี้ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นมาก แค่ลากการ์ด ระบบก็จัดการทุกอย่างให้อัตโนมัติ พร้อมทั้ง Update ผลการทำงานกลับเข้า Jira สิ่งที่ดีไปกว่านั้นคือเราสามารถสร้าง Dashboard เพื่อดู Task Request ย้อนหลังได้ด้วย ช่วยให้เราวิเคราะห์และปรับปรุงระบบได้ต่อเนื่อง
ยังมี Task อื่น ๆ เช่น
- การ Validate Tagging ในการสร้าง Resource บน Cloud ด้วย OPA (Open Policy Agent) เพื่อให้การทำงานของ FinOps มีประสิทธิภาพ
- การจัดการ Policy และ Governance ของ Kubernetes ด้วย OPA Gatekeeper เพื่อช่วยให้มั่นใจในคุณภาพของการ Deploy Service
- การ Clean Up Resource ที่ Idle เพื่อลด Cost โดยใช้ Cloud Custodian
- การ Spin Up Infrastructure ด้วย Terraform และ Destroy ทิ้งเมื่อไม่จำเป็น เพื่อลดความผิดพลาดจากการสร้าง Resource แบบ Manual
Make it Happen !!
ทั้งหมดที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลระบบให้เสถียร การออกแบบเครื่องมือให้ใช้งานง่าย หรือการคิด Automation เพื่อยกระดับคุณภาพการทำงาน — ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการ สร้างคุณค่า (Create Value) ให้กับทีมผู้ใช้งานของเรา เพื่อให้พวกเขาสามารถส่งมอบงานที่ดีที่สุดให้ลูกค้าภายนอกต่อไปได้
เพราะเราเชื่อว่า งาน Platform ที่ดีไม่ใช่แค่ “ให้ระบบใช้งานได้” งานที่เราลงมือทำ เราพยายามทำให้ดีที่สุดในแบบที่ มีมาตรฐาน และพัฒนาได้ต่อเนื่อง — เพื่อให้สมกับคำว่า Deliver Excellence ที่เป็นหนึ่งในค่านิยมหลักของ SCB TechX
