บทความนี้เป็นการหยิบยกเอาหัวข้อที่น่าสนใจในเซสชัน “ผู้นำกับการสร้างทีมในยุคดิจิทัลแบบพี่แว่น SCB TechX” ที่ไลฟ์ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2565 จัดโดย SCB Academy มาเล่าสู่กันฟังครับ
หนึ่งในหัวข้อการสัมภาษณ์ที่น่าสนใจจนอยากนำมาเขียนให้ได้อ่านกันคือเรื่องวัฒนธรรมองค์กรหรือ Culture ในบทสัมภาษณ์นี้ พี่แว่นได้พูดถึงวัฒนธรรมองค์กรที่สำคัญของ SCB TechX 5 เรื่อง ดังนี้ครับ (ซึ่งความจริงแล้วมีมากกว่านี้อีก!)
Customer Centric 😊
แต่เดิมการสร้าง Product นั้นจะมาจากการที่สร้างและการนำ Product มาเป็นศูนย์กลาง พร้อมโหมกระหน่ำด้วย Marketing แคมเปญที่ทำให้ Product นั้นเป็นที่ยอมรับ แต่ที่ SCB TechX เรามองต่าง เราจะเอา Customer เป็นศูนย์กลางเป็นอันดับแรก จากนั้นจะต้องหา Pain Point ของลูกค้าให้ได้ว่าคืออะไร หลังจากนั้นค่อยเป็นกระบวนการที่จะหา Solution ที่จะเข้าไปแก้ ด้วยเหตุนี้ Product ของเราจึงเป็นที่ยอมรับเพราะเราเอา Customer เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ Product
Inclusive Collaboration 🤝
ที่ SCB TechX มีโครงสร้างองค์กรแบบแนวราบ (Flat Organization) ทำให้ทุกคนมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมพร้อมทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทุกคนสบายใจ เปิดโอกาสให้ทุกคนกล้าพูด กล้าเสนอความคิดเห็น และในทุกความคิดเห็นและ Feedback จะถูกรับฟังเสมอเพราะเราเชื่อว่า “ไม่มีความเห็นใดที่ห่วยหรือแย่” ทุกความคิดเห็นและ Feedback มีค่าไม่ว่าจะทำงาน Role ไหนก็ตาม
Growth Mindset 💪
Growth Mindset เป็นสิ่งแทบจะทุกบริษัทอยากให้พนักงานทุกคนมี แน่นอนว่า SCB TechX ก็เช่นกัน เราพร้อมที่จะ Challenge สิ่งที่มีอยู่เดิมโดยและพร้อมเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ให้เหตุผลแค่ว่า “ที่ทำมาแบบนี้เพราะว่าเมื่อก่อนก็ทำแบบนี้มา” แต่เราเปิดรับ Feedback เพื่อพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ขึ้นเสมอ ถ้าเรื่องไหนที่ไม่จำเป็นต้องทำและเราหาเหตุผลได้ เราก็พร้อมจะยกเลิกเรื่องที่ไม่จำเป็นออกไปได้ โดยเราสามารถคุยกับพี่ ๆ ในทีมหรือ Lead ได้ทันที
Risk-taking 📈
นอกเหนือจาก Growth Mindset ที่จะทำให้เราเติบโตและพัฒนาตัวเองรวมถึงพัฒนาทีมขึ้นไปได้ในทุกวันแล้ว การ Take Risk ที่อยู่นอกเหนือจาก Comfort Zone ของเราก็ทำให้เราเติบโตเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ Risk จะต้องอยู่ในความเสี่ยงที่ควบคุมได้ (Control Risk) ถ้าพูดกันภาษาง่าย ๆ คือ ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นจะไม่กระทบต่อภาพรวมทั้งหมด
ยกตัวอย่างในทางเทคนิคคือ ถ้าเราออกฟีเจอร์ใหม่ไป เราจะต้องมีสวิทซ์ที่สามารถควบคุมการ เปิด-ปิด ฟีเจอร์เหล่านั้นได้ทันที ถึงแม้ว่าถ้าฟีเจอร์นั้นพังหรือไม่สามารถใช้งานได้ ก็ต้องพร้อมที่จะ Rollback ฟีเจอร์เหล่านั้นหรือระบบได้อย่างรวดเร็วและทันที โดยที่ Customer อาจรู้สึกว่าแป๊บเดียวหรืออาจไม่รู้สึกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบ
อีกตัวอย่างในด้านการทำงาน เช่น ถ้าเรามี Pain Point ในการทำงานระหว่างแต่ละ Role ในทีมและเราอยากจะลองทำอะไรที่จะช่วย Improve Working Process ได้เราก็สามารถคุยกับหัวหน้าว่า อยากจะขอทดลองอะไรใหม่ ๆ ถ้าหัวหน้าโอเค ก็สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจากพี่แว่น พอทดลองทำเสร็จแล้วลองเอามาใช้และมันโอเค เราก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่
Accomplish Your Best 🏆
SCB TechX เรามาด้วย High Standard โดยเราจะไม่ Compromise บน Standard ของเรา เช่น เราเจอบางเรื่องที่ไม่ตรงตาม Standard ของเราและบอกว่าอยากจะ Compromise โดยส่วนใหญ่คำตอบของเราคือ ไม่ Compromise ถึงแม้ว่าเราจะต้อง Rework เพราะว่ามันยังไม่ดี ถึงแม้ว่าเราจะต้องขาดทุนในโปรเจคนั้นหรือต้องยืดระยะเวลาออกไป เราก็พร้อมที่จะกลับไปทำเพื่อให้ได้ตามมาตรฐานของเรา
สรุป
หากคุณชอบ Culture ที่ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric), มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่สบายใจ ทุกคนคุยกันให้ Feedback กันได้ในด้านต่าง ๆ (Inclusive Collaboration), Challenge สิ่งที่มีอยู่เดิมและพร้อมจะเปลี่ยนแปลง(Growth Mindset), ลองทำสิ่งใหม่ที่ออกนอก Comfort Zone (Risk-taking), ไม่ Compromise บน Standard ของเรา (Accomplish Your Best) ละก็ อย่าลืมไปส่องตำแหน่งที่เปิดรับที่ 👉 Link หรือที่ 👉 LinkedIn ได้เลย!
ส่งท้าย
ขอขอบคุณทางพิธีกรทั้งสองท่านทั้ง พี่บอย-ปิยวิทย์ พี่เตย-บัณฑิตา และทาง SCB Academy ที่เป็นโฮสต์และจัดการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยครับ
บทความนี้เป็นการหยิบยกเอาหัวข้อที่น่าสนใจในเซสชัน “ผู้นำกับการรสร้างทีมในยุคดิจิทัลแบบพี่แว่น TechX” ที่ไลฟ์ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2565 ครับ ที่จัดโดย SCB Academy ครับ