ในยุคที่อินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้จากทุกมุมโลก ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในการทำงานที่หันมาพึ่งพาแพลตฟอร์มออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย องค์กรทั่วโลกจึงปรับตัวและเริ่มใช้งาน ระบบคลาวด์หรือเทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud Technology) กันมากขึ้น เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการดำเนินงานภายในองค์กร เพราะการใช้งาน Cloud Computing ทำให้ผู้คนสามารถทำงานแบบ “Work From Anywhere” จากที่ใดก็ได้เพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น นอกจากนี้ การใช้ระบบคลาวด์ยังสามารถทดแทนระบบแบบเดิม ที่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์ในองค์กรเพื่อสร้าง พัฒนา และจัดการกับระบบต่างๆ เช่น เครือข่าย พื้นที่จัดเก็บข้อมูล เน็ตเวิร์ก ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน เป็นต้น
ในบทความนี้ SCB TechX จะมาแนะนำประเภทและบริการของ Cloud Computing รวมไปถึงประโยชน์จากการใช้งานให้ผู้ที่กำลังสนใจในเทคโนโลยีคลาวด์ได้ทราบกัน
ระบบคลาวด์ คือ
Cloud Computing หรือเรียกกันโดยย่อว่า Cloud หมายถึง บริการโฮสติ้งหรือเซิร์ฟเวอร์ที่เข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยบริการดังกล่าวครอบคลุมการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และระบบออนไลน์ต่างๆ เสมือนการใช้งานคอมพิวเตอร์จากทุกที่บนโลก เพียงแค่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
รูปแบบของคลาวด์
รูปแบบการทำงานของคลาวด์สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. Public Cloud
เป็นการใช้ระบบประมวลผลหรือการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ไว้บนเซิร์ฟเวอร์แบบสาธารณะ ผู้ให้บริการจะเก็บข้อมูลของผู้ใช้ไว้บนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน แต่ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ท่านอื่นได้หากไม่ได้รับอนุญาต มีข้อดีคือ การใช้งานที่ง่าย สะดวกและรวดเร็ว สามารถบริหารจัดการข้อมูลขององค์กรได้ด้วยตนเอง ทุกที่ทุกเวลาผ่านการควบคุมข้อมูลต่างๆ บนคลาวด์
2. Private Cloud
ระบบประมวลผลหรือการจัดเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าต่างๆ ได้อย่างอิสระ รวมไปถึงมาตรการความเป็นส่วนตัวในการเข้าใช้งานข้อมูลจึงมีความปลอดภัยสูงกว่า Public Cloud
3. Hybrid Cloud
บริการคลาวด์รูปแบบนี้เป็นการใช้งานร่วมกันระหว่าง Public Cloud และ Private Cloud ฉะนั้นองค์กรสามารถบริหารจัดการระบบได้ทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัว เพื่อความคล่องตัวในการทำงานและความปลอดภัยที่มากขึ้น ถือเป็นการใช้งาน Cloud ที่ให้ประสิทธิภาพสูงที่สุด
ประเภทของบริการคลาวด์
บริการของคลาวด์ มีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการว่ามีบริการใดรองรับบ้าง โดยทั่วไป บริการคลาวด์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่
1. Software as a Service (SaaS)
บริการให้เช่าซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน โดยสามารถใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยระบบจะประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการคลาวด์ ผู้ใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องลงทุนในด้านของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์เพื่อเข้าใช้บริการ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบเพราะผู้ให้บริการคลาวด์จะเป็นฝ่ายดูแลทั้งหมด นอกจากนี้ ตัวซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันสามารถเรียกใช้งานผ่านคลาวด์จากที่ใดก็ได้อีกด้วย
ตัวอย่างบริการรูปแบบ SaaS คือ DropBox, Google Workspace, Microsoft 365, Canva, Jira Cloud เป็นต้น
2. Platform as a Service (PaaS)
บริการให้เช่าแพลตฟอร์มสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน โดยผู้ให้บริการจะติดตั้ง เซิร์ฟเวอร์และจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน โดยประกอบไปด้วย Database System, Web Server, Framwork ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักพัฒนาชอฟต์แวร์
ตัวอย่างบริการรูปแบบ PaaS คือ Google App Engine, Salesforce Azure App Service, Elastic Cloud, AWS Elastic Beanstalk หรือ Databricks เป็นต้น
3. Infrastructure as a Service (IaaS)
บริการให้เช่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีสำหรับองค์กร โดยให้บริการเกี่ยวกับพื้นที่เก็บข้อมูล การประมวลผลและทรัพยากรเครือข่าย เพื่อใช้รันแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ผู้ใช้สามารถกำหนดขนาด ให้เหมาะสมกับความต้องการเองได้
ตัวอย่างบริการรูปแบบ IaaS คือ Amazon Web Service, Google Cloud Platform, Microsoft Azure, IBM Cloud เป็นต้น
ข้อดีของการใช้ระบบคลาวด์
1. ลดค่าใช้จ่ายขององค์กร
การจัดเก็บข้อมูลแบบดั้งเดิมจำเป็นต้องจ้างพนักงานในการดูแลและจัดการข้อมูล อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอุปกรณ์เก็บข้อมูลอย่างคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบคลาวด์จะช่วยลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้
2. ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
บริการคลาวด์สามารถปรับขนาด (Scale) ตามการใช้ของผู้ใช้ได้อย่างยืดหยุ่น ช่วงที่ปริมาณข้อมูลขององค์กรมีจำนวนมาก และต้องการความสามารถในการประมวลผลและพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น ก็สามารถเพิ่มความสามารถดังกล่าวและพื้นที่จัดเก็บบน Cloud ได้ทันที ซึ่งสะดวกกว่าการจัดเก็บข้อมูลแบบเก่าที่ต้องให้ฝ่าย IT เข้ามาปรับปรุงหรือจัดซื้อเซิร์ฟเวอร์ถึงจะใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูล และการประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติมได้
3. ใช้งานสะดวกสบาย
การใช้งานต่างๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น เพราะผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้งานระบบ Cloud Service ได้จากทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
ข้อดีที่กล่าวมาทั้งหมดคือปัจจัยหลักที่ทำให้องค์กรทั้งหลายหันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ก็สามารถเลือกใช้บริการคลาวด์ได้
เทคโนโลยีคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่นสูงอย่าง Cloud Computing สามารถปรับให้เหมาะกับธุรกิจ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ภายในองค์กร ก็จะสามารถช่วยลดงานบริหารจัดการและต้นทุนขององค์กรลงได้ เพราะมี Cloud Services ที่ครอบคลุมการใช้งานหลากหลายประเภท ทั้งยังคิดค่าบริการตามที่ใช้งานจริงอีกด้วย
บริการ Cloud Solution จาก SCB TechX
SCB TechX พร้อมให้บริการ Cloud Solution ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดค่าใช้จ่ายด้าน IT ตลอดจนถึง การยกระดับให้ธุรกิจก้าวไปสู่ความสำเร็จ และการเติบโตอย่างยั่งยืน
หากสนใจบริการคลาวด์ หรือบริการนวัตกรรม E-KYC, Data Solution และโซลูชันอื่นๆ กรุณาติดต่อ Email: contact@scbtechx.io หรือ www.scbtechx.io
ติดตาม SCB TechX เพื่ออัปเดตข่าวสารใหม่ๆ ก่อนใคร
Facebook: SCB TechX
Medium: medium.com/scb-techx
LinkedIn: www.linkedin.com/company/scb-tech-x/
YouTube: SCB TechX