Job Skills ครั้งนี้ขอนำเสนออาชีพใหม่แห่งวงการเทคโนโลยี “Technology Evangelist” หรือ ผู้เผยแพร่ความรู้ใหม่ๆทางเทคโนโลยีที่ต้องมีความรู้ ความสามารถทางด้านเทคฯ และการสื่อสารเป็นเลิศไปพร้อมๆกัน แว่วมาว่าอาชีพนี้สำคัญและใหม่มากในบริษัทต่างประเทศ และเพิ่งจะมีเพียงไม่กี่บริษัทในประเทศไทยเท่านั้นที่เปิดรับเราจึงชวนนัก Technology Evangelists 4 ท่าน ของบริษัท SCB TechX มาร่วมพูดคุยกันแบบเจาะลึกว่าพวกเค้าแต่ละคนต้องมีความรู้ ความสามารถอะไรถึงมาทำอาชีพนี้ได้ แล้วต้องทำหน้าที่ที่น่าสนใจอะไรอีกบ้างควบคู่ไปด้วย ใครอยากอัพเดตเทรนด์อาชีพนี้ไปตามอ่านกันเลย
ขอให้แต่ละท่านช่วยแนะนำตัวเองนิดนะคะ (เริ่มจากซ้ายไปขวา)
คุณเบย์ : สวัสดีคร้าบผมเบย์นะครับ เป็น Technology Evangelist ครับ ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็น Software Engineer ที่ทำเกี่ยวกับ Digital Academy แหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้แก่พนักงาน เพื่อนำไปใช้ในสายงานของตนเองได้ และ ก็ทำเกี่ยวกับ SCB Open API และ API ให้ Partners ใช้ครับ ผมรู้จักทีมและตำแหน่งนี้จากการจัดแข่งขัน SCB Hackathon ซึ่งมีหลายทีมเข้าร่วม และได้เห็นว่าทีมนี้ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เราสนใจพอดี มี Platform ที่สามารถใช้ได้และนำไปต่อยอดได้หลายอย่างมาก หลังจากบริษัทแยกมาเป็น SCB TechX ก็เปิดโอกาสให้พนักงานภายในได้ลองไปสมัครงานในแผนกที่สนใจได้ จึงลองมาสัมภาษณ์และได้รับโอกาสเข้าทีมตั้งแต่นั้นมาครับ
คุณต่อ : ผมต่อนะครับจบปริญญาตรีวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และปริญญาโทวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีครับตั้งแต่จบมาก็ทำงานด้านคอมพิวเตอร์มาตลอด โดยเริ่มจากการเขียนโปรแกรม และได้มีโอกาสได้เปิดบริษัทร่วมกับเพื่อนเป็น Startup ที่ให้บริการแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะมาเข้าร่วมกับ SCB TechX และปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง Senior Technology Evangelist ครับ
คุณเติ้ล : ผมเติ้ลครับ เรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และ ปริญญาโทบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ที่จุฬาฯทั้งคู่ครับ ผมเริ่มงานมาจากสาย QA จากนั้นมาเป็น Software Developer และได้มีโอกาสตั้งบริษัททำธุรกิจส่วนตัวในด้าน IT ด้วย Connection ที่มี เลยมีประสบการณ์ทั้งในฝั่ง Development และ Business
แต่เนื่องจากมี Covid และมีครอบครัว ทำให้มองหางานที่คล้ายๆกับที่ทำอยู่ คือมีโอกาสได้คิดเรื่องธุรกิจ และ ได้เล่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่น่าเบื่อ แล้วมาเจอตำแหน่ง Tech Evan ที่ SCB TechX เปิดอยู่ เลยสมัครมา และทำงานอยู่ตำแหน่ง Senior Tech Evan ครับ
คุณแม็กนั่ม : ผมแม๊กนั่มเองครับ เรียนจบจาก SIIT ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ผมเคยเป็น Programmer และ System Analyst ที่ SCB มาก่อนครับ ตอนนั้นผมเห็นว่ามีตำแหน่งนี้น่าสนใจกำลังเปิดรับสมัครอยู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมมีความสนใจเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่แล้ว จึงทำเรื่องขอย้ายภายในมาครับเลยได้ทำงานเป็น Technology Evangelist ในทีม Innovation ครับ
Technology Evangelist ต้องทำงานเกี่ยวกับอะไร แต่ละท่านทำส่วนไหนกันบ้าง แล้วต้องทำงานร่วมกับใครบ้างคะ?
คุณเติ้ล : หลักๆงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนครับ
1. การค้นคว้าทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือ แนวทางตลาดใหม่ๆ หรือ ตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นผลมาจากเทคโนโลยี
2. การทำ proposal เพื่อนำเสนอ แนวคิดของผลิตภัณฑ์ หรือ การนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้
3. เข้าร่วมโครงการ Consult หรือ Due Diligence เพื่อมองหาโอกาสต่างๆที่นำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆได้
เติ้ลเองจะเน้นทำงานทางฝั่ง Business และ Operation ของทีม แต่ก็ยังได้ Dev บางงานอยู่ครับ
คุณต่อ : ตามที่คุณเติ้ลกล่าวเลยนะครับ งาน Technology Evangelist อยู่ภายใต้หน่วยงาน Innovation เน้นการค้นคว้า ทดลองเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา Products และ Services ทั้งที่มีอยู่แล้ว หรือหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ พร้อมสนับสนุน Innovation Culture ในองค์กร เช่น จัด Incubation Program หรือการทดลองรัน Design Sprint เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ มาทำ Idea Portfolio สนับสนุน Business Pipelines ขององค์กร จากลักษณะงานที่กล่าวมาทำให้เราต้องมีการทำงานร่วมกับหลายๆ ทีมทั้งในฝ่ายที่เป็น Technical Team, Product Team, People (HR) และ Marketing Team ด้วย
คุณเบย์ : ส่วนผมจะดูการทำ Research & Development ในด้านเทคโนโลยีและมองหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดไปเป็น Product ให้แก่บริษัท รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่ทีมงาน มีไป Contribute Open Source โปรเจคบ้าง รวมถึงจัด Knowledge Sharing ภายในบริษัทบ้าง หรือถ้ามีเรื่องอะไรที่น่าสนใจก็นำมาเขียนเป็นบล็อกให้ได้อ่านกัน ติดตามได้ที่ Medium นี้ครับ ส่วนทีมที่ผมทำงานร่วมด้วยบ่อยๆก็ Software Engineer, UX, Data Science และก็มีทำกับภายนอกบริษัทด้วยเพื่อทำ Co-Research ร่วมกันครับ
คุณแม็กนั่ม : ของผมจะดูแลฝั่งการพัฒนาและศึกษาค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ แทบทุกอย่างเลยครับไม่ว่าจะเป็น การเขียนโปรแกรมทั้ง Infrastructure, Blockchain, Backend, Frontend (Web, Mobile) การออกแบบระบบ ทั้งหน้าจอเว็บไซต์, หน้าจอโทรศัพท์ และ API ส่วนการค้นคว้านั้นอันนี้เป็นงานหลักเลยครับจะต้องอ่านเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเลย โดยทางทีมส่วนใหญ่จะมี ธีม เบื้องต้นมาให้ และต้องหาความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ เทคโนโลยี และ การนำมาใช้เกิดผลจริงๆ ครับ
Project ไหนที่มีความภูมิใจเป็นพิเศษ เพราะอะไรคะ?
คุณต่อ : ส่วนที่ภาคภูมิใจก็น่าจะเป็นการสร้าง Prototypes เช่น Distribution Ledger Technology (DLT), Decentralized Identifiers (DIDs), eKYC เพื่อเป็น Proof of Concept ให้แก่บริษัทเพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาเป็น Products และ Services ต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตครับ
คุณเติ้ล : ของผมจะเป็นเรื่องการเรียนรู้และพัฒนาทั้งของตัวเองและของทีม เพราะทีมมีโอกาสได้ทดลอง ค้นคว้า หาความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมา ประยุกต์ใช้และต่อยอด ทำให้เราได้รับรู้แนวคิด หรือ วิธีการที่แตกต่างไปจากเดิม รวมไปถึงการได้นำเสนองานและได้ลงมือทำจริงๆครับ
คุณแม็กนั่ม : ถ้าจะให้ตอบในฐานะของสายงานนี้ จะมีโปรเจคนึงใช้ชื่อ DevLabs ครับ ซึ่งเป็นโปรเจคที่ให้ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาไอเดียของตัวเองได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะนำ Code เหล่านั้นไป Deploy อะไรยังไงที่ไหน ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ผู้ใช้งานได้ ลงแรงกับไอเดียและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวเองได้อย่างเต็มที่ สำหรับตัวผมเอง คิดว่าตอนนี้ยังไม่กล้าใช้คำว่าภูมิใจอะไรมากเป็นพิเศษ แต่ผมจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆครับ
คุณเบย์ : งานไหนที่เสร็จก็ภาคภูมิใจครับ(ฮา) เรียกว่าเป็นโปรเจคที่ท้าทายดีกว่า โปรเจคที่ท้าทายของผมคือโปรเจคที่ได้ Co-Research ในการ Develop Prototype ระหว่างทีมจากไทยคือทีมเราเอง และทีมอื่นๆที่มาจากหลากหลาย Culture ก็มีความท้าทายเยอะเหมือนกันครับ ทั้งในแง่ การพูดคุยกัน การจัดการ Timeline การ Deliver ของให้ออกมาทันในทุก ๆ สัปดาห์หรือสองสัปดาห์ปั่นกันจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่สนุกและท้าทายดีครับ
อะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดของสายงานนี้คะ?
คุณเติ้ล : การต้องทำงานแบบ Multi-Function ครับ คือเราต้องมีทั้งมุมมองของ Developer และต้องเข้าใจในมุมมองทางธุรกิจไปพร้อมๆกันแล้วหาจุดตรงกลาง หรือ จุดเชื่อมต่อระหว่าง 2 ฝั่งนี้
คุณต่อ : สำหรับผมน่าจะเป็นการมองหาไอเดียและโอกาสในทาง Business เพื่อนำเสนอ Solutions โดยนำ Technology ต่างๆ มาประยุกต์ใช้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทีมอื่นๆ ในองค์กรรวมถึงพาร์ทเนอร์ของเราด้วย
คุณเบย์ : สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือโปรเจคที่ต้องลองทำในขณะที่ยังไม่มีความรู้อะไรเลย เราต้องเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่ศูนย์เพื่อที่จะทำ Prototype ออกมาได้ทันตามที่กำหนดและแก้ไขปัญหาใด ๆ เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจเบื้องหลังของเทคโนโลยีว่าทำงานอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถตอบคำถามและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราพัฒนาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง(ฮา) ทีมที่ดีมีส่วนมากจริง ๆ ครับ
คุณแม็กนั่ม : ผมมองว่าทุกงานที่ทำต่างก็มีความท้าทายในตัวเอง และผมก็สนุกที่ได้เรียนรู้มากขึ้นในทุกๆวัน เหมือนที่ นิวตัน ได้กล่าวไว้ว่า
“What we know is a drop, what we don’t know is an ocean.”
ยังมีพื้นที่ที่เรายังไม่ได้รู้อีกตั้งมากมาย ที่รอเราไปสำรวจอยู่ ใครจะไปคิดนะครับว่าทุกวันนี้โลกเราจะเปลี่ยนไปเร็วมากๆ ขนาดนี้
Culture ของทีม Innovation เป็นอย่างไรคะ?
คุณต่อ : Culture ของทีมค่อนข้างคล้ายกับตอนที่ผมทำ Startup คือ เปิดโอกาสในการนำเสนอไอเดียหรือสิ่งที่สนใจเพื่อนำมาค้นคว้าและทดลองความเป็นไปได้ต่างๆ ด้วยกัน อีกทั้งสมาชิกในทีมแต่ละคนต้องทำหลายๆ อย่าง ไม่ได้มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ตายตัว ทำให้มีโอกาสในการพัฒนาตัวเองในหลายๆ ด้าน
คุณแม็กนั่ม : ด้วยความที่ในทีมมีคนต่างชาติด้วย การทำงานจะค่อนข้างผสมในหลายๆ ด้าน เช่น
1 ภาษา — ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารค่อนข้างมาก แต่ในทีมก็ช่วยกัน แปลกันไปกันมาเหมือนกัน
2 วัฒนธรรม — หลายๆ องค์กรจะมีความเกรงใจกัน ทำให้บางทีเกิดกำแพงในหลายๆ เรื่องขึ้นมา แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับเรายังมีการให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอ
3 Work Hard Play Hard — ใครจะไปรู้งานต่างๆ ที่คิดได้หลายๆ อย่างเกิดการ wild thought ที่คิดขึ้นมาได้ตอนเล่นๆ กันเนี้ยแหละครับ ฮ่า ๆ
คุณเบย์ : Culture ของทีมนี้เป็นแนวทำงานก็ทำงานกันเต็มที่ ถ้าติดปัญหาหรืออยากได้ความช่วยเหลือหรือจากหัวหน้าว่าติดปัญหาอะไร อยากไปเรียนคอร์สที่ช่วยอัพสกิลทั้งตัวเราและทีมเองก็เสนอได้ หัวหน้าใจดีมาก พร้อมจะช่วยเหลือสนับสนุนกันเต็มที่ ทีมพูดคุยและปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ส่วนเวลาเลิกงาน เรา Trade crypto จริงจังมาก (ฮ่าๆ) เพราะท่านหัวหน้ามาสายนี้เลย ซื้อ shitcoins หรือเหรียญโปรเจคใหม่ ๆ ไปรับ Airdrops หรือบอกจุดเข้าแต่จุดออกไปออกกันเองประมาณนี้ (บางคนเจ๊งไม่เป็นท่าก็มี ฮา) เวลา Hangout ก็ออกไปกันเต็มที่ ดื่มก็เต็มที่ชนิดที่ยันสว่างก็มี สรุปสั้น ๆ ว่า Work Hard, Play Harder ครับ
คุณเติ้ล : บรรยากาศของทีมน่าจะเป็นแนวคล้ายๆ Start up มั๊งครับ คือเราไม่ได้มานั่งทำงานแบบเป็น process ชัดเจน มี ticket มี requirement คือทุกอย่างเราต้องคิดออกมา ดังนั้น dynamic ของทีมคือ ทุกคนต้องรับผิดชอบโดยมุ่งเน้น เป้าหมาย ร่วมกัน ช่วยกัน contribute ให้กับสิ่งที่ทีมกำลังทำอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าบางครั้งมันก็เหมือนจะเละๆ มั่วๆกันบ้าง แต่ก็ช่วยๆกันผลักดันกันต่อมาจนผ่านไปได้ครับ