บทสัมภาษณ์ Job Skills ครั้งนี้ตรงกับช่วงวันแม่พอดี จึงขอสวัสดีวันแม่แก่ทุกๆท่านด้วยนะคะ และก็ขอถือโอกาสนี้สัมภาษณ์ คุณมุ่ย ซึ่งเป็นคุณแม่ คุณมัม คุณมารดา หัวเรือใหญ่ตัวตึงแห่งทีม Quality Assurance ซึ่งมีลูกทีมที่เก่งและมีคุณภาพเยอะมาก แถมชีวิตส่วนตัวยังพ่วงดีกรีการเป็น Quality Mom ให้แก่ลูกๆที่ยังเล็กอีก 2 คนด้วย ใครอยากทราบว่าเคล็ดลับการบริหารจัดการงาน QA ควบคู่กับการดูแลครอบครัวให้ได้อย่างเต็มที่ในสไตล์ของผู้บริหารเก่งๆยุคใหม่เป็นอย่างไรตามไปอ่านกันได้เลยนะคะ 🙂
แนะนำคุณมุ่ยค่ะ
สวัสดีค่ะ มุ่ย, จันทิมา จันทวิเศษค่ะ เรียนจบ Com Sci จาก เกษตรศาสตร์ แล้วก็ได้เริ่มงานที่แรก เป็น QA ที่ บริษัท รอยเตอร์ ค่ะ ต้องขอเล่าว่า เริ่มเป็น QA โดยที่ไม่รู้ว่า QA คืออะไรเลยค่ะ ตอนสมัครสอบไปพร้อมเพื่อนๆ เกือบทั้งห้อง แล้วก็เขียนไว้ว่า อยากทำ Dev แต่พี่ HR โทรมาบอกว่า คะแนนและผลเราเหมาะจะทำ QA นะ ลองมาทำดูไหม เลยไปสอบสัมภาษณ์ และก็ได้เริ่มงานที่นั่นค่ะ ซึ่งสำหรับเราแล้วถือเป็นบริษัทที่ดีมาก Reuters is the great school เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้ประสบการณ์การทำงานที่ดีสุดสำหรับเราเลยค่ะ รอยเตอร์เป็นเหมือนโรงเรียนสำหรับคนทำงาน เป็นบริษัทอินเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้งานทาง Technical และเรืองอื่นๆเยอะมาก มีหัวหน้าดี เพื่อนๆดี เราได้รู้ Foundation รู้ว่าระบบการทำงานที่ดีมันเป็นอย่างไร พอย้ายบริษัท ก็ได้นำความรู้ที่ได้รับไปเป็นแนวทางหรือแบบอย่างในการสร้างทีมมาจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ
จาก Reuters ก็ได้ย้ายไป True Money(Ascend) เราได้รับโอกาสให้ได้สร้างทีม QA ขึ้นมาใหม่ วางระบบการทำ QA การทำ Automation เป็นที่ทำงานที่ให้เราได้ใช้วิชาความรู้รอบด้าน ทั้ง Technical และ Management เราโชคดีที่มีพี่ๆ ผู้บริหาร เพื่อนๆ คอย support ซึ่งกันและกันเสมอ และ มีน้องๆในทีมที่น่ารักแล้วเก่งกันมาก เราจึงเริ่มทุกอย่างขึ้นมาได้ค่ะ จากนั้นก็ได้มาร่วมงานกับ SCB และ ย้ายมาเป็นครอบครัว SCB TechX กับงานที่ยังคงเป็น QA เหมือนเดิมค่ะ ตอนนี้ก็เป็น QA Director อยู่ที่นี่ค่ะ
หัวใจของ QA ที่ SCB TechX ก็คือ Quality and Speed ที่เปลี่ยนวิธีการทำงานแบบเดิมให้ไวขึ้น พร้อมกับเป็น Quality Gate คอยดูแลด้านคุณภาพให้ดีที่สุดก่อนส่งงานสู่ลูกค้าค่ะ
ภารกิจที่ทำตลอดหลังจากตื่นเช้าในวันจันทร์-วันศุกร์ค่ะ
ตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ก็ต้องเริ่มภารกิจ คุณแม่ค่ะ ตื่นก่อน 6.00 น.อาบน้ำเตรียมตัวให้ลูกๆและ ส่งถึงโรงเรียนตั้งแต่ตอน 7.20 น. ค่ะ จากนั้นจะขับรถไป Office เลยค่ะ แต่ถ้าวันไหน Work from Home ก็กลับบ้านค่ะ โดยประชุมแรก เริ่มตอน 8.45 ค่ะ เหมือนเป็น Stand Up Meeting ของพวกพี่ๆ ตอนเช้าค่ะ ฟัง Direction พี่ๆตามงานบ้าง หรือ มีงานมาจาก พี่แว่น CEO อีกทีค่ะ
หลังจากนั้นจะเป็นช่วง Daily Meeting ของแต่ละ Project ค่ะ ถ้าเราไม่ได้ มี Meeting ไหนที่นัดมาเฉพาะ จะเข้าไปร่วมฟัง Daily ของ Project ทีมค่ะ เพื่อทราบว่าตอนนี้มีปัญหาอะไร มีงานอะไร ของน้องๆ บ้างค่ะ จากนั้น งานก็จะวนอยู่กับการ Meeting ของแต่ Project หรือ มี One on One กับน้องๆ Manager/ Team Lead เพื่อคุยถึงงานภาพรวมของน้องว่ามีอะไรที่ต้องการคำปรึกษา หรือแก้ ปัญหาบ้าง รวมไปถึง การจัดงาน Day to Day Work ของตัวเองด้วยค่ะ มักจะวนไปแบบนี้ ทุกวันเลยค่ะ
ถ้ามี Project ใหม่เราก็จะมาวาง Strategies กันว่า จะเทสแบบไหน ใช้คนกี่คน ถ้า Project Run อยู่เราก็ Track Issues, Defects รีวิว กันไป แล้วแต่ Project เลยค่ะ เราดูภาพรวมของทุก Project ค่ะ ถ้าช่วงนั้น Project ไหนเร่งหรือมี Issue เราก็จะ Focus กับตัวนั้นเยอะหน่อยค่ะ และภาพรวมอื่นๆ เราก็ยังต้อง พัฒนาทีม ไม่ว่าจะเป็น Career Path, Skill ต่างๆ สำหรับน้องๆ ที่ต้องใช้ในการทำงาน คิดพัฒนา Test Tools สำหรับ น้องๆ QA ร่วมกับ Test manager และ Specialist ของทางทีมด้วยค่ะ
เคล็ดลับในการบริหารทีมงาน และสิ่งที่ช่วยให้คุณมุ่ยเป็นผู้บริหารที่เก่งอย่างทุกวันนี้
ต้องบอกว่ามุ่ยโชคดีที่มีทีมและมีน้องที่มีความสามารถมาร่วมงานด้วยค่ะ หลายๆคนทำงานด้วยกันมานาน ทำให้พอเรามี Ideas มี Direction อะไร ที่เอามาคุยกับน้องๆ แล้วเค้าก็จะเห็นภาพ และ เข้าใจว่าเราต้องการอะไร ที่สำคัญ Direction หรือ Goal เราต้องชัดค่ะ หน้าที่หลายอย่างเราต้องตัดสินใจ และ รับผิดชอบให้น้องๆ ด้วยความที่ทีมเราค่อนข้างใหญ่ เราต้องเชื่อใจทีมเรา และให้เค้าได้ใช้ Skills ของเค้าในการบริหารทีมอย่างเต็มที่ ถ้าต้องการให้เรา Support เราต้องพร้อมเข้าไปช่วยค่ะ เราอยากสร้างทีมแบบไหน เราก็ต้องทำให้น้องเห็นภาพกับเราก่อน
การ Motivate ทีม เราปรับกันอยู่เรื่อยๆค่ะ การที่เรา Work from Home ก็อาจจะยากในการ Motivate อยู่บ้างบางทีเราให้งานท้าทายน้องอาจรู้สึกว่า งานเค้าเยอะอยู่แล้วนะ ก็ต้องหาวิธีอื่นๆที่จะให้น้องๆ ทำงานสนุกขึ้น ให้มี Small Win, ให้ Credit น้องๆ ในแต่ละงาน และอื่นๆ เช่นเรามี จัดกิจกรรม Mini Hack เพื่อให้น้องๆมีเวที ในการเสนอ Ideas โดยเอาสิ่งใกล้ตัวที่เค้าใช้ตอนทำงานมา Pitch และ ประกวดกัน ทั้งนี้เพื่อให้งานที่น้องๆ ทำมี Value เราก็ให้ Across QA Teams นำไปใช้เลยค่ะ, เรามี QA Townhall เพื่อให้น้องๆเห็น Progress เห็นความสำเร็จของทีมเค้า และ ทีมอื่นๆด้วย
การจัด One on One กับน้องๆ จริงๆคิดว่าเป็นวิธีนึง ที่ เราได้พูดคุย แลก เปลี่ยนความเห็นด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องงาน เรืองทั่วไปเราก็คุยกัน ก็ช่วยให้เรารู้ความต้องการ หรือ สิ่งที่น้องๆ อยากให้เราทำ เราก็จะมีวิธีหรือหาอะไรมาช่วยให้น้องๆ ทำงานสนุกขึ้น, สบายใจขึ้น และช่วย Motivate เค้าได้อีกทางหนึ่งค่ะ
สิ่งที่หล่อหลอมเรามาจนทุกวันนี้ น่าจะมาจากประสบการณ์การทำงาน กับ พี่ๆหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานที่ดีให้เรา
ได้มีโอกาสบริหารทีม คือ เราชอบทำงานกับหัวหน้าที่ไม่ต้องมี Instruction ในการทำงาน แต่ต้องมี Direction ให้เรา แล้วเดี๋ยวเราไปพูดคุยและเอาไปเสนอ เราก็จะได้คิดได้ลอง ซึ่งเราโชคดีอีกแล้วที่ พี่ๆ หัวหน้าที่เคยทำงานด้วยรวมถึง CEO (พี่แว่นเรา) ก็เป็นแบบนี้ และ เราเองก็อยากให้น้องๆ ที่ทำงานกับเราลองได้ทำดูเช่นกัน แต่สิ่งนี้ ไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะคะ บางคนเค้าก็ชอบที่จะมี Guideline บอกแนวทางบอกวิธีการ อันนี้ เราก็ต้องดูว่าเราทำงานกับทีมที่ชอบแบบไหน ไม่มีอะไรผิดหรือถูกค่ะ ก็ปรับให้เหมาะกับงานกับทีม ณ ตอนนั้น ก็เป็นส่วนนึงที่ทำให้เราเป็นเราแบบนี้ค่ะ เราเองเคยทำงานกับหัวหน้าที่ Tough และ ที่ Relax เลยรู้สึกว่า การผสมของ 2 แบบน่าจะเป็นทางที่เราอยากไป แม้เราจะเอนเอียงไปทางแรกมากกว่า 555 แต่ก็พยายามปรับให้สบายๆ มากขึ้นค่ะ
วีธีเตรียมตัวรับมือกับการทำงานทั้งสัปดาห์ และการใช้เวลาว่าง
ปกติเรามีตารางงาน ตารางประชุม ที่ชัดเจนอยู่แล้วค่ะ ก็ไม่ได้มีการเตรียมตัวอะไรมากค่ะ ยกเว้น ช่วงนั้นจะมีงาน ที่นอกเหนือจากตาราง หรือ การส่งงานที่เข้ามาเป็นช่วงๆ แต่เหมือนมาทุกช่วงค่ะ J (One Time Task ที่มาทุกเดือน) และ เนื่องจากมุ่ยดูแลหลายทีม หลาย Project ค่ะ ถ้างานเข้ามาพร้อมๆ กัน ก็จะต้อง Priorities ว่าเอาอะไรมาทำก่อนค่ะ ตัวช่วยคือ Deadline (ฮาๆ) ตัวไหนเร่งก็ทำก่อนค่ะ มักจะจดไว้แล้วก็คอยเช็คว่าทำอะไร ไปแล้วบ้าง แต่ปกติถ้าประชุมกับน้องๆ Manager/ Team lead จะให้น้องๆ เขียนไว้ ใน Google Doc ค่ะ ถ้าเราลืม หรือ อยากกลับไปดูว่าน้องๆ Raise อะไรมาก็กลับไปอ่านทีหลังได้ค่ะ
ส่วนวันหยุดคือให้เวลากับครอบครัว และ ลูกๆ ค่ะ จะพาเค้าไปเที่ยวไปเล่น แบบนั้นค่ะ จะพยายามทำงานวันธรรมดาให้หมดค่ะ คือ ทำดึก ก็โอเคค่ะ ปกติ ลูกๆ มักจะรอให้ถึงวันหยุด หรือ รอช่วงเวลาว่าง เพื่อให้เราไปเล่นกับเค้า เพราะฉะนั้น เวลาว่างหรือวันว่างทุกครั้งก็คือจะอยู่และเล่นกับเค้าค่ะ แบบ เสาร์ อาทิตย์ ให้ครอบครัวอย่างเดียวค่ะ 🙂
คุณมุ่ยในฐานะคุณแม่ลูก 2 วางเป้าหมายในชีวิตลูกๆอย่างไร? มีเวลาเป็นของตัวเองบ้างไหม? และยังมีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำบ้างไหมคะ?
สำหรับมุ่ยเป้าหมายในชีวิตลูก คือ เรื่องของลูกค่ะ เราทำได้แค่ปูทางให้ลูก ให้เค้ามีพื้นฐานที่ดี มีจิตใจที่ดี ใช้ชีวิตและจัดการชีวิตแบบมีสติค่ะ และตอนนี้แค่อยากให้เค้าได้ใช้ชีวิตให้สมกับวัย วัยเด็ก ก็จะให้เล่นเยอะ เราก็เล่นกับลูกเยอะๆ เช่นกันค่ะ วันรุ่นก็อยากให้เค้าได้ใช้ชีวิตแบบวันรุ่น แบบนั้นค่ะ Enjoyกับเวลานั้นๆของเค้าค่ะ กลับมาเมื่อไหร่เราก็จะอยู่ตรงนั้นกับเค้า และอยู่ตลอดทาง และพอเค้าเป็นผู้ใหญ่ เราก็อยากเป็นเหมือน Back Up Plan เป็น Safe Zone ของลูก ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ก็กลับมาหาเราได้ตลอด แบบนั้นค่ะ
เรื่องเวลาวันทำงานเราก็ให้เวลากับงานก่อนค่ะ หมดเวลางานก็อยู่กับลูก จริงๆ ถ้าเรามีประชุมดึกๆ เราก็พยายามเคลียร์งานก่อนค่ะ ถ้าเสร็จเร็วเราก็มีเวลาช่วงค่ำๆหน่อย ไว้คุยเล่นกับเค้า วันหยุดให้ครอบครัวหมดเลยค่ะ เวลาตัวเองที่จริงอยู่กับลูกก็เหมือนใช้เวลาตัวเองไปด้วยค่ะ แต่จะให้เวลาออกกำลังกายกับตัวเอง พยายามทำทุกวันค่ะ ไปวิ่งที่หมู่บ้าน 2ทุ่ม,3 ทุ่มก็วิ่งค่ะวันละประมาณ 40 นาที แล้วแต่ว่า ทำอะไรเสร็จตอนไหน ตอนนั้นน่าจะเป็นเวลาตัวเองที่สุดแล้วค่ะ เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองได้คุยกับตัวเองจริงๆค่ะ
อะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ นี่มีเยอะเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าไม่ได้ทำนะคะ แค่ทยอยทำไปค่ะ เรืองงานก็อยากสร้างทีม ที่ทำให้เค้ารู้สึกได้เรียนรู้ตลอด เหมือนเราเป็น โรงเรียน QA สร้างบุคคลากร QA ที่ทำงานหลากหลายได้จริงๆ ค่ะ รู้สึกว่าพยายามอยู่แต่ยังไม่สำเร็จสักที เราเองก็อยากลองทำงาน Field อื่นๆ ด้วยค่ะ ยังไม่ได้ทำเช่นกัน ส่วนเรื่องส่วนตัวและครอบครัวคืออยากพาลูกๆ ท่องเที่ยว เยอะๆ ค่ะ รอเด็กๆ โต ก็คงค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆค่ะ คนเรามักมีเรื่องใหม่ๆ อยากทำเสมอค่ะ สิ่งที่อยากทำและทำไม่ได้จริงๆ ก็ปล่อยไปค่ะ หาอะไรสนุกๆ ใหม่ๆ ทำเรื่อยๆดีกว่าค่ะ 🙂
