ในยุคดิจิทัลที่มีวลีที่ว่า “Data is an Asset” หรือ “ข้อมูลคือทรัพย์สิน” ที่สะท้อนถึงความจำเป็นขององค์กรในการพัฒนาระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น Database, Data Lake หรือ Data Warehouse เพราะด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดการและนำข้อมูลไปใช้อย่างถูกต้องจึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ องค์กรทุกแห่งจึงจำเป็นต้องมีการวางโครงสร้าง Data Governance เพื่อกำกับดูแลข้อมูลอย่างเป็นระบบ ดังนั้นมาเรียนรู้เพิ่มเติมกันว่า Data Governance คืออะไร มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนต่อการดำเนินธุรกิจ
Data Governance คืออะไร
Data Governance หรือ “ธรรมาภิบาลข้อมูล” คือ แนวทางและนโยบายในการกำกับดูแลข้อมูลตลอด Data Life Cycle ตั้งแต่การรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล ไปจนถึงการกำจัดข้อมูล โดยมีจุดประสงค์เพื่อกำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบ และมาตรฐานในการดูแลจัดการข้อมูลให้เป็นระเบียบ ชัดเจน และมีคุณภาพ เนื่องจากข้อมูลที่เกิดขึ้นในองค์กรมักมีความกระจัดกระจาย และมาจากหลายแหล่ง จึงยากต่อเข้าถึงชุดข้อมูลเดียวกัน แม้จะอยู่ในองค์กรเดียวกันก็ตาม ส่งผลกระทบให้องค์กรไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มที่
Data Governance Framework
ในการเริ่มทำ Data Governance องค์กรจำเป็นต้องกำหนด Data Governance Framework หรือก็คือ รอบการดำเนินงาน กฎ และข้อบังคับต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรฐานการดำเนินการในด้านการจัดการข้อมูล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแต่ละองค์กรมีแหล่งที่มาของข้อมูลที่แตกต่างกัน ดังนั้น Governance Framework จึงไม่มีรูปแบบที่ตายตัว ทั้งนี้ในประเทศไทย หน่วยงาน DGA ได้นำเสนอ Framework เบื้องต้นที่ประกอบด้วย 5 ปัจจัยสำคัญ ดังนี้
- Policy & Standard: นโยบายและมาตรฐานในการจัดการข้อมูล โดยมีการทำเอกสารเช่น พจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) หรือคำอธิบายของข้อมูล
- Privacy & Compliance: นโยบายการรักษาความเป็นส่วนตัวและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ พร้อมจัดลำดับขั้นความสำคัญของข้อมูล
- Role & Responsibility: การกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบในการจัดการข้อมูล เช่น เจ้าของข้อมูล (Data Owner), ผู้ใช้ข้อมูล (Data User) และผู้สนับสนุนข้อมูล (Data Supporter)
- Process: กระบวนการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมกำหนดวิธีจัดการข้อมูลแต่ละประเภท
- Guideline: แนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน ที่จะช่วยให้บุคลากรใช้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ Data Governance Framework ที่มีประสิทธิภาพควรมีความถูกต้อง (Accuracy) ที่ข้อมูลต้องตรงตามความเป็นจริง ควบคู่กับ ความครบถ้วน (Completeness) ที่ข้อมูลต้องมีความสมบูรณ์ไม่ขาดส่วนสำคัญ นอกจากนี้ยังต้องมี ความสอดคล้องกัน (Consistency) โดยข้อมูลต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งระบบ และมีความเป็นปัจจุบัน (Timeliness) พร้อมใช้งานเมื่อต้องการ รวมถึงตรงตามความต้องการของผู้ใช้ (Relevancy) ที่ข้อมูลต้องตอบโจทย์การใช้งานได้จริง และสุดท้ายคือความพร้อมใช้ (Availability) ที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
ทำไมองค์กรต้องทำ Data Governance
การทำ Data Governance นั้นมีความสำคัญต่อองค์กรและธุรกิจต่างๆ อย่างมาก เพราะนอกจากเป็นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว ยังเป็นการปฏิบัติตามข้อกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล หรือเรียกอีกอย่างว่า “ข้อมูลที่ดี” ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้
- Data Security – การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ทั้งในด้านการรักษาความลับ (Confidentiality) การควบคุมการแก้ไข (Integrity) และการพร้อมใช้งาน (Availability)
- Data Privacy – การปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยเฉพาะการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA, GDPA และข้อบังคับอื่นที่เกี่ยวข้อง
- Data Quality – การรักษาคุณภาพข้อมูลให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
อีกทั้ง Data Governance ยังสำคัญต่อ Meta Data Management และ Data Discovery ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ดังนี้
Meta Data Management
Meta Data Management หรือ “ข้อมูลที่อธิบายข้อมูล” เป็นส่วนสำคัญของ Data Governance ที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดระเบียบและเข้าใจข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบการจัดการ Meta Data ที่ดีจะเป็นผลดีต่อองค์กรในหลายด้าน ไม่ว่าจะช่วยในการจัดทำพจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) กำหนดมาตรฐานการจัดเก็บข้อมูล ติดตามที่มาและการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล พร้อมทั้งสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างชุดข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Data Discovery
Data Discovery หรือการค้นพบข้อมูล เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถ ค้นหาและระบุข้อมูลที่มีอยู่ในระบบทั้งหมด ทั้งข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง เข้าใจความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล รวมถึงเป็นการตรวจสอบคุณภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูล เพื่อให้สามารถระบุข้อมูลที่มีความอ่อนไหวและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
ข้อดีของการทำ Data Governance
การทำ Data Governance อย่างมีประสิทธิภาพสามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการดำเนินงาน การบริหารจัดการ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ โดยในปัจจุบัน การนำ DevSecOps มาใช้ร่วมกับ Data Governance ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยของข้อมูลตลอดวงจรการพัฒนาและการใช้งาน โดยประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับมีดังนี้
- ปรับปรุงคุณภาพข้อมูล
นโยบายธรรมาภิบาลข้อมูลช่วยให้ข้อมูลมีความถูกต้อง แม่นยำ และน่าเชื่อถือ พร้อมช่วยลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานข้อมูลโดยรวม
- รองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล
อย่างที่กล่างไปข้างต้น Data Governance เป็นการสร้างมาตรฐานในการจัดการข้อมูล ซึ่งด้วยมาตรฐานดังกล่าว องค์กรสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ด้วยข้อมูลที่เชื่อถือได้ และยังเป็นการเพิ่มความคล่องตัวในการทำอีกด้วย
- เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
เมื่อข้อมูลถูกจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ จึงสามารถลดภาระของบุคลากรในการค้นหาและจัดการข้อมูล รวมถึงเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล นอกจากนี้ยังเป็นการลดต้นทุนการจัดการข้อมูลในระยะยาวอีกด้วย
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบ
การกำหนด Data Governance นั้นเป็นส่วนช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อบังคับอย่าง PDPA และ GDPR รวมถึงการใช้ระบบยืนยันตัวตนอย่าง NDID เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูล พร้อมลดความเสี่ยงด้านการละเมิดข้อมูล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับ Stakeholders อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า Data Governance ไม่เป็นเพียงแค่แนวทางการจัดการข้อมูลเท่านั้น แต่เป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย ท่ามกลางตลาดในปัจจุบันที่การแข่งขันทางธุรกิจพึ่งพาข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรที่มีระบบ Data Governance ที่มั่นคงจะได้เปรียบในการแข่งขัน สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แล้วด้วยเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและการจัดการข้อมูล SCB TechX พร้อมเป็นพันธมิตรธุรกิจในการวางรากฐาน Data Governance ขององค์กรคุณ ผ่านโซลูชันที่ครอบคลุมและทันสมัยอย่าง Cloud Solutions และ xPlatform
SCB TechX นำเสนอบริการ Data & AI Solution ในบริการเดียว
SCB TechX มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธุรกิจคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโซลูชัน TechX Data & AI Solutions ระดับองค์กร สามารถจัดการข้อมูลบนคลาวด์ได้แบบครบวงจร ทั้งการนำข้อมูลเข้าระบบ จัดเก็บ จัดการ วิเคราะห์ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูงด้วย AI และ Machine Learning ทั้งยังสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับขนาดธุรกิจ ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ เรายังเป็นพาร์ทเนอร์กับบริการด้านข้อมูลและคลาวด์ระดับโลกมากมาย โดยมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุม เช่น
Enterprise Data Lakehouse
นวัตกรรมการเก็บข้อมูลที่นำจุดเด่นของ Data Warehouse และ Data Lake รวมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบเก็บข้อมูลที่ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นและหลากหลาย นำข้อมูลมาใช้งานได้สะดวก และมีต้นทุนในการเก็บข้อมูลต่ำกว่า Data Warehouse
Data Lakehouse Enablement
เมื่อใช้ TechX Data & AI Solutions เป็นศูนย์กลาง องค์กรจะสามารถเก็บข้อมูลทุกประเภทในฐานข้อมูลเดียวกัน และช่วยให้การรับ-ส่งข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นระบบ ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการนำข้อมูลมาใช้พัฒนาธุรกิจ
Data Lakehouse as an Archive
TechX Data & AI Solutions สามารถทำหน้าที่เหมือน Data Lake เพื่อเก็บข้อมูลเก่าขององค์กรไว้บนระบบคลาวด์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูล และยังสามารถดึงข้อมูลกลับมาใช้ได้ในไม่กี่ขั้นตอน จึงนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด
นอกจากบริการข้างต้น SCB TechX ยังมีบริการอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Cloud Solutions และ xPlatform โซลูชันที่มอบความสามารถในการแก้ปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ บริการให้คำปรึกษาและพัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และอื่นๆ
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญงานพัฒนาซอฟต์แวร์ สามารถติดต่อทีม xPlatform ของเราได้ที่ contact@scbtechx.io
