การมาถึงของยุคดิจิทัลก่อให้เกิดคุณประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งความรู้ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดผ่านอินเทอร์เน็ต แต่ในทางกลับกัน ยุคดิจิทัลก็ได้ก่อให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าอาชญากรรมไซเบอร์ โดยหนึ่งในประเภทของอาชญากรรมไซเบอร์ที่มักพบเจอได้บ่อยก็คือ การปลอมแปลงตัวตน ดังนั้นธุรกิจและองค์กรจำนวนมากจึงพยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่ออำนวยความปลอดภัยให้กับลูกค้าของตนเอง
สำหรับเทคโนโลยียืนยันตัวตนที่ได้รับความนิยมใช้งานในปัจจุบันมีอยู่ 2 ระบบ คือ KYC และ E-KYC ซึ่งในบทความนี้ SCB TechX จะพาไปทำความรู้จักว่าระบบ KYC คืออะไร และระบบ E-KYC คืออะไร เพื่อความเข้าใจและการใช้งานที่ถูกต้อง
ระบบ KYC คืออะไร และประโยชน์ของระบบ KYC
ระบบ KYC ย่อมาจาก Know Your Customer เป็นระบบที่ธนาคารมักใช้ในการพิสูจน์ตัวตนของลูกค้า ก่อนที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเงิน เช่น การถอน ฝาก หรือโอนเงิน เป็นต้น ซึ่งธนาคารจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า อาทิ ชื่อ-นามสกุลจริง ที่อยู่ วันเกิด หมายเลขประจำตัวประชาชน และเอกสารประกอบอื่นๆ เพื่อทำการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลลูกค้า
ระบบ KYC ครอบคลุมประโยชน์ 4 ด้าน คือ
1. ป้องกันการฟอกเงินและการทุจริตทางการเงินต่างๆ
การตรวจสอบและติดตามกิจกรรมทางการเงินของลูกค้าอย่างละเอียด จะช่วยป้องกันธนาคารจากการพัวพันกับอาชญากรรมทางการเงิน อาทิ การฟอกเงินผิดกฎหมาย และการทุจริตทางการเงินต่าง
2. ป้องกันการฉ้อโกงจากบุคคลภายในองค์กร
การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและยืนยันตัวตนของลูกค้า จะช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงของบุคลากรภายในองค์กร
3. เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
ธนาคารที่มีการใช้งาน KYC จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้มากกว่า เพราะแสดงให้เห็นว่าธนาคารใส่ใจและมีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้า
4. พัฒนาความแข็งแรงของระบบการเงิน
ธนาคารสามารถสร้างระบบการเงินที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือได้ผ่านระบบการยืนยัน KYC ที่เข้มงวดและมีความเป็นระเบียบ
ระบบ E-KYC คืออะไร และประโยชน์ของระบบ E-KYC
ระบบ E-KYC ย่อมาจาก Electronic Know Your Customer เป็นระบบยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างแบบฟอร์มออนไลน์ หรือแอปพลิเคชัน โดยข้อดี E-KYC ครอบคลุมประโยชน์ 5 ประการ คือ
1. ความสะดวกและรวดเร็ว
เนื่องจากลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนจากที่ใดก็ได้ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต อีกทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยระบบ E-KYC ยังทำให้ธุรกิจหรือองค์กรได้รับข้อมูลของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
2. ลดการเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสาร
ระบบ E-KYC เอื้อให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าไว้ได้ในรูปแบบดิจิทัล ลดความจำเป็นในการเก็บข้อมูลของลูกค้าในรูปแบบเอกสาร ซึ่งการเก็บข้อมูลไว้ในรูปแบบดิจิทัลมีความปลอดภัยมากกว่า และสามารถนำข้อมูลที่จำเป็นบางส่วนมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายสำหรับทำแคมเปญทางการตลาด เป็นต้น
3. ลดความผิดพลาดจากมนุษย์
การตรวจสอบเอกสารต่างๆ ด้วยมนุษย์มีแนวโน้มจะก่อให้เกิดความผิดพลาดได้มากกว่าระบบ E-KYC ที่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์
4. ประหยัดทรัพยากร
ธุรกิจหรือองค์กรสามารถประหยัดทรัพยากรไปได้หลายด้าน จากการใช้งานระบบ E-KYC เช่น ประหยัดกระดาษที่ใช้จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสาร และประหยัดทรัพยากรมนุษย์สำหรับตรวจสอบเอกสาร เป็นต้น
5. ความปลอดภัยของข้อมูล
ข้อมูลที่ส่งผ่านระบบ E-KYC มีการเข้ารหัสและมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลจากการโจมตีทางไซเบอร์
แล้วระบบ KYC กับ E-KYC ต่างกันอย่างไร?
ระบบ E-KYC ย่อมาจาก Electronic Know Your Customer เป็นระบบยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างแบบฟอร์มออนไลน์ หรือแอปพลิเคชัน โดยข้อดี E-KYC ครอบคลุมประโยชน์ 5 ประการ คือ
1. การทำงานที่ต่างกัน
ระบบ KYC เป็นการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบเอกสาร ยกตัวอย่างเอกสาร KYC สําหรับบุคคลธรรมดา เช่น สำเนาบัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารยืนยันการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็นต้น
ในขณะที่ระบบ E-KYC เป็นการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่รวดเร็วและสะดวกกว่า
2. การเก็บรักษาข้อมูลที่ต่างกัน
ระบบ KYC มีการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าไว้ในรูปแบบเอกสารหรือสื่ออื่นๆ ส่วนระบบ E-KYC เก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือฐานข้อมูลออนไลน์
3. ความสะดวกและรวดเร็วที่ต่างกัน
ระบบ E-KYC อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้มากกว่าระบบ KYC เนื่องจากลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนและข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ได้แบบออนไลน์
ระบบ E-KYC ปลอดภัยหรือไม่
แน่นอนว่าระบบ E-KYC อาจทำให้เกิดช่องโหว่สำหรับมิจฉาชีพ แต่ระบบ E-KYC มักมาพร้อมกับเทคโนโลยียืนยันตัวตนต่างๆ อาทิ เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือ หรือเทคโนโลยีสแกนใบหน้า เพื่อการยืนยันตัวตนอย่างแม่นยำ และป้องกันการปลอมแปลงตัวตนจากผู้ไม่หวังดี
สรุปคือ ระบบ E-KYC มีความจำเป็นอย่างมากต่อธุรกิจและองค์กร โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันทางการเงิน ประกันภัย ท่องเที่ยว โรงพยาบาล อีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มหาคู่ออนไลน์ และบริการจัดหารถรับ-ส่งออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าและความมั่นคงขององค์กรหรือธุรกิจเอง ทั้งนี้ระบบ E-KYC ที่ใช้ควรมาพร้อมกับเทคโนโลยียืนยันตัวตนที่จำเป็น เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวตน
แนะนำนวัตกรรม E-KYC จาก SCB TechX
SCB TechX พร้อมให้บริการนวัตกรรม E-KYC ที่ช่วยให้การยืนยันตัวตนเป็นเรื่องง่าย อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพียงสแกนบัตรประชาชนและถ่ายรูปใบหน้าของตนเอง ก็สามารถยืนยันตัวตนผ่าน โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ได้ทุกที่ทุกเวลา
หากสนใจดูรายละเอียดบริการนวัตกรรม E-KYC (คลิก)
สอบถามบริการนวัตกรรม E-KYC, Data Platform และโซลูชันอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่ Email: contact@scbtechx.io
ติดตาม SCB TechX เพื่ออัปเดตข่าวสารใหม่ๆ ก่อนใคร
Facebook: SCB TechX
Medium: medium.com/scb-techx
LinkedIn: www.linkedin.com/company/scb-tech-x/
YouTube: SCB TechX