Database คืออะไร มีกี่ประเภท เป็นประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร?

Database-1_1200x628

ปัจจุบัน ข้อมูลดิจิทัลกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญ Database จึงมีบทบาทสำคัญต่อองค์กรทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสตาร์ตอัปขนาดเล็กหรือบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก อีกทั้ง การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพผ่านระบบฐานข้อมูลที่เหมาะสมเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันด้วย Big Data และกำลังเข้าสู่กระบวนการ Digital Transformation อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทุกองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น มาดูกันว่า Database คืออะไร มีกี่ประเภท และมีความสำคัญหรือประโยชน์ต่อองค์กรอย่างไร

Database คืออะไร

Database หรือ ฐานข้อมูล คือ ระบบจัดเก็บข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันเอาไว้ โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่จัดเก็บ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management System:DBMS)

 

โดยทั่วไป Database นั้นมีหน้าที่หลักในการจัดการการเข้าถึงข้อมูล  รักษาความปลอดภัยของข้อมูล  สำรองและกู้คืนข้อมูล รักษาความถูกต้องและความสอดคล้องของข้อมูล พร้อมอำนวยความสะดวกในการค้นหาและดึงข้อมูลแก่ผู้ใช้งานหรือองค์กร

Database มีกี่ประเภท

Database สามารถแบ่งตามโครงสร้างและการจัดการข้อมูลได้หลายรูปแบบ แต่ละประเภทมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม สามารถแบ่งฐานข้อมูลออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

1. Single File Database

Single File Database หรือฐานข้อมูลแบบไฟล์เดี่ยว ออกแบบมาเพื่อจัดเก็บข้อมูลขนาดเล็กที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน จึงข้อดีคือ ใช้งานง่าย ใช้ต้นทุนในการพัฒนาและบำรุงรักษาที่ต่ำ แต่มีข้อจำกัดด้านความปลอดภัยที่ค่อนข้างต่ำ และไม่เหมาะกับการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่หรือมีจำนวนมาก

2. Multi-File Database

หลายๆ ไฟล์ แบ่งตามประเภท หรือความสัมพันธ์ของข้อมูล ด้วยคุณลักษณะดังกล่าว ทำให้สามารถรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดีกว่า มีความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูล และจัดการความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดีขึ้น จึงมักถูกนำมาใช้งานในระบบจัดการเอกสาร การจัดเก็บข้อมูลภายในองค์กรขนาดกลาง ระบบฐานข้อมูลที่ต้องการแยกประเภทข้อมูลชัดเจน

 

นอกจาก 2 ประเภทหลักข้างต้น ยังมี Database อีกหลายรูปแบบ ดังนี้

Relational Database

Relational Database คือ ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ที่เป็นหนึ่งในระบบจัดเก็บข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบตารางที่มีความสัมพันธ์กัน ระบบนี้จะใช้ภาษา SQL ในการจัดการข้อมูล และรองรับการทำ ACID Transactions ที่รับประกันความถูกต้องของข้อมูล ด้วยโครงสร้างที่ชัดเจนและความสามารถในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล Relational Database จึงเหมาะกับการใช้งานในระบบธนาคารและการเงิน ระบบบริหารจัดการองค์กร (ERP) และระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)

NoSQL Database

ฐานข้อมูลประเภท NoSQL ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความต้องการในการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างแน่นอน โดยสามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งแบบ Document Store ที่เก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสาร Key-Value Store ที่เก็บข้อมูลในรูปแบบคู่คีย์ และค่า Wide-Column Store ที่เหมาะกับข้อมูลที่มีคอลัมน์จำนวนมาก รวมไปถึง Graph Database ที่เก็บข้อมูลในรูปแบบกราฟเน้นความสัมพันธ์ ซึ่งระบบนี้เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ต้องการความสามารถในการขยายตัวสูง (High (Scalability) ระบบที่มีข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างแน่นอน และยังใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-Time อีกด้วย

Centralized Database

Centralized Database คือ ฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เป็นระบบที่จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลางเพียงแห่งเดียว โดยทุกการเข้าถึงและจัดการข้อมูลจะดำเนินการผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง ระบบนี้จึงเหมาะกับองค์กรที่ต้องการการควบคุมและการจัดการข้อมูลที่เข้มงวด ทำให้การรักษาความปลอดภัยและความสอดคล้องของข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีจุดควบคุมเพียงจุดเดียว 

 

ในการทำงานของระบบ Centralized Database จะมีการจัดการผ่านทีมไอทีผู้ดูแลระบบที่รับผิดชอบการบำรุงรักษา การสำรองข้อมูล และการกำหนดนโยบายความปลอดภัย โดยผู้ใช้งานจากส่วนต่างๆ ขององค์กรจะเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลผ่านเครือข่าย เพื่อเข้าถึงและใช้งานข้อมูลตามสิทธิ์ที่ได้รับ

 

ข้อดีของระบบนี้ คือ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ การควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวด และความสอดคล้องของข้อมูลที่สูง อย่างไรก็ตาม Centralized Database ยังคงมีข้อจำกัดในด้านการขยายตัว เนื่องจากต้องรองรับการเข้าถึงจากผู้ใช้จำนวนมากพร้อมกัน และอาจเกิดปัญหาคอขวด (Bottleneck) ในการเข้าถึงข้อมูลในช่วงที่มีการใช้งานสูง นอกจากนี้ หากระบบกลางเกิดปัญหา อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของทั้งองค์กร

Distributed Database

ฐานข้อมูลแบบกระจายเป็นระบบที่แบ่งการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลไปยังหลายตำแหน่งหรือหลายเซิร์ฟเวอร์ โดยแต่ละส่วนสามารถทำงานได้อย่างอิสระแต่ยังคงเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันผ่านเครือข่าย ระบบนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในยุคของ Big Data และ Cloud Computing เนื่องจากสามารถรองรับการขยายตัวของข้อมูลและการเข้าถึงจากผู้ใช้จำนวนมากได้ดี

 

การทำงานของระบบฐานข้อมูลแบบกระจายจะมีการจัดการข้อมูลในหลายรูปแบบ ทั้งการทำสำเนาข้อมูล (Replication) เพื่อเพิ่มความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพ และการแบ่งส่วนข้อมูล (Sharding) เพื่อกระจายภาระงานไปยังหลายเซิร์ฟเวอร์ ระบบจะมีกลไกในการประสานงานระหว่างโหนดต่างๆ เพื่อรักษาความสอดคล้องของข้อมูลและจัดการการเข้าถึง

 

ข้อดีของระบบนี้คือความสามารถในการขยายตัวที่สูง (Scalability) ความพร้อมใช้งานที่ดีกว่า เนื่องจากมีการสำรองข้อมูลระหว่างโหนด และประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ระบบนี้มีความซับซ้อนในการจัดการและบำรุงรักษามากกว่า และอาจมีความท้าทายในการรักษาความสอดคล้องของข้อมูลระหว่างโหนด (Node)

Cloud Database

Cloud Database หรือฐานข้อมูลบนคลาวด์ เป็นนวัตกรรมที่เรียกได้ว่า เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการข้อมูลขององค์กรในยุคดิจิทัลอย่างมาก โดยเป็นระบบฐานข้อมูลที่ทำงานและจัดเก็บข้อมูลบนโครงสร้างพื้นฐานของผู้ให้บริการ Cloud Platform ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้จากทุกที่ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอง ส่งผลให้เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน

 

การให้บริการ Cloud Database แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่

1. Database as a Service (DBaaS)

ผู้ให้บริการจะดูแลระบบทั้งหมด ตั้งแต่การติดตั้ง การบำรุงรักษา การสำรองข้อมูล และการอัปเกรดระบบ องค์กรเพียงใช้งานผ่านอินเทอร์เฟซที่ผู้ให้บริการจัดเตรียมไว้ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความสะดวกและไม่ต้องการดูแลระบบเอง

2. Managed Database Service

ให้อิสระในการควบคุมและปรับแต่งระบบมากกว่า DBaaS โดยองค์กรสามารถเลือกกำหนดค่าต่างๆ ได้ตามต้องการ แต่ผู้ให้บริการยังคงดูแลโครงสร้างพื้นฐานให้ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการระบบ

3. Cloud-Hosted Database

Cloud Database รูปแบบนี้ให้องค์กรมีอิสระเต็มที่ในการควบคุมและจัดการระบบฐานข้อมูล โดยผู้ให้บริการเพียงจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้เท่านั้น เหมาะสำหรับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน IT และต้องการควบคุมระบบเองทั้งหมด

ระบบ Cloud Database มีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นในการปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บตามการใช้งานจริง ทั้งการเพิ่มหรือลดขนาดพื้นที่จัดเก็บ ประสิทธิภาพการประมวลผล และแบนด์วิดท์ อีกทั้งผู้ให้บริการ Cloud Database มักมีระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติและกระจายการจัดเก็บข้อมูลไปยังหลายศูนย์ข้อมูล พร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ครบครัน และผู้ให้บริการจะดูแลการบำรุงรักษาและอัปเกรดระบบให้อัตโนมัติ ทั้งการแก้ไขข้อบกพร่อง การอัปเดตความปลอดภัย และการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ องค์กรไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลระบบและสามารถโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ 

 

นอกจากประเภท Database ที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีระบบฐานข้อมูลอีกหลากหลายรูปแบบที่ถูกนำมาใช้งานทั่วโลก เช่น Object-Oriented Database, Multimodal Database, Vector Database และ Document/JSON Database เป็นต้น

ประโยชน์ของ Database ต่อองค์กร

แน่นอนว่าในยุคที่ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ Database จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ การมีระบบฐานข้อมูลที่ดีไม่เพียงช่วยจัดระเบียบข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจได้ ดังนี้

1. จัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและปลอดภัย

การจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบและปลอดภัยเป็นประโยชน์สำคัญของระบบฐานข้อมูล โดยช่วยรวบรวมข้อมูลไว้ในที่เดียว ลดความซ้ำซ้อน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยและการสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลตามสิทธิ์ผู้ใช้งานช่วยป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ

2. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

Database ที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผ่านระบบค้นหาที่รวดเร็ว แชร์ข้อมูลระหว่างพนักงานในองค์กรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานทั้งส่วนของพื้นที่จัดเก็บเอกสาร ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร และการลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ

3. ลดต้นทุนการดำเนินงาน

การมี Database ยังช่วยการลดต้นทุนการดำเนิน ทั้งประหยัดพื้นที่จัดเก็บเอกสาร พร้อมลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในการจัดการข้อมูล ลดความผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ

4. สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

Database ที่มีประสิทธิภาพยังช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจทางธุรกิจที่แม่นยำ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วย

5. รองรับการเติบโตของธุรกิจ

เมื่อธุรกิจพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น แน่นอนว่าองค์กรก็ต้องการฐานเก็บข้อมูลที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่ง Database ที่สามารถปรับขยายหรือลดขนาดได้อย่าง Cloud Database นั่นสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี เพราะธุรกิจไม่จำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทุกครั้งเมื่อมีการปรับขยายองค์กร

จะเห็นได้ว่า Database มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ไม่เพียงแต่ช่วยในการจัดการข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ การเลือกใช้ระบบ Database ที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันทางธุรกิจที่รวดเร็วในปัจจุบัน

SCB TechX นำเสนอบริการ Data & AI Solution ในบริการเดียว

SCB TechX มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธุรกิจคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโซลูชัน TechX Data & AI Solutions ระดับองค์กร สามารถจัดการข้อมูลบนคลาวด์ได้แบบครบวงจร ทั้งการนำข้อมูลเข้าระบบ จัดเก็บ จัดการ วิเคราะห์ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูงด้วย AI และ Machine Learning ทั้งยังสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับขนาดธุรกิจ ใช้งานง่าย เชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ เรายังเป็นพาร์ทเนอร์กับบริการด้านข้อมูลและคลาวด์ระดับโลกมากมาย โดยมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุม เช่น

Enterprise Data Lakehouse

นวัตกรรมการเก็บข้อมูลที่นำจุดเด่นของ Data Warehouse และ Data Lake รวมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบเก็บข้อมูลที่ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นและหลากหลาย นำข้อมูลมาใช้งานได้สะดวก และมีต้นทุนในการเก็บข้อมูลต่ำกว่า Data Warehouse

Data Lakehouse Enablement

เมื่อใช้ TechX Data & AI Solutions เป็นศูนย์กลาง องค์กรจะสามารถเก็บข้อมูลทุกประเภทในฐานข้อมูลเดียวกัน และช่วยให้การรับ-ส่งข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นระบบ ซึ่งช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการนำข้อมูลมาใช้พัฒนาธุรกิจ

Data Lakehouse as an Archive

TechX Data & AI Solutions สามารถทำหน้าที่เหมือน Data Lake เพื่อเก็บข้อมูลเก่าขององค์กรไว้บนระบบคลาวด์ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเก็บข้อมูล และยังสามารถดึงข้อมูลกลับมาใช้ได้ในไม่กี่ขั้นตอน จึงนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด

แนะนำ TechX Data & AI Solutions จาก SCB TechX

SCB TechX พร้อมให้บริการโซลูชันจัดการข้อมูลแบบครบวงจร TechX Data & AI Solutions ที่ช่วยให้ธุรกิจจัดการข้อมูลจำนวนมากได้ ตั้งแต่ขั้นตอนนำข้อมูลเข้าระบบ จัดเก็บ จัดการ วิเคราะห์ให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมาต่อยอดธุรกิจขององค์กร และรักษาความปลอดภัยของข้อมูล อีกทั้งยังมีความสามารถในการปรับแต่ง การ Scale ส่งผลให้รองรับได้ทั้งธุรกิจขนาดเล็กอย่าง Startup ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่

 

นอกจากนี้ยังมี บริการ xPlatform เป็นโซลูชันที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือซอฟต์แวร์ บริการให้คำปรึกษาและพัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม และอื่นๆ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราโปรดส่งข้อมูลหาเราได้ที่ contact@scbtechx.io ทีมงานจะติดต่อกลับท่านโดยเร็วที่สุด

 

Related Content

  • ทั้งหมด
  • Blogs
  • Insights
  • News
  • Uncategorized
    •   Back
    • Careers
    • Data Science
    • Lifestyle
    • Product
    • Strategy
    • Technology
    • User Experience
    • xPlatform
    • DevOps
    •   Back
    • PointX Products
    • Events
    • Others
    • Leadership
    • Partnership
    • Services & Products
    • Joint ventures
    •   Back
    • Blockchain
    • Finance
    • Tech innovation

Your consent required

If you want to message us, please give your consent to SCB TechX to collect, use, and/or disclose your personal data.

| การเพิกถอนความยินยอม

หากคุณต้องการเพิกถอนการให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรุณาส่งคำร้องหาเรา

Vector

Message sent

We have receive your message and We will get back to you shortly.