บทสัมภาษณ์ Job Skills รอบนี้ขอเอาใจสาย Business ที่มีใจรักในเทคโนโลยี หรือ หนุ่มสาวชาวกี๊ก (Geek) ที่อยากพัฒนาความสามารถตัวเองมาศึกษาให้รู้ลึกรู้จริงในงานสาย Business วันนี้เลยชวน Business Analyst (BA) พี่ที่น่ารักผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการธนาคารและเทคโนโลยี มาช่วยแชร์ประสบการณ์ในสไตล์พี่เล่าให้น้องฟังว่า งาน BA ในสายเทคโนโลยีจริงๆแล้วทำงานเกี่ยวกับอะไรบ้าง เกี่ยวกับการวิเคราะห์ตัวเลขหาจุดคุ้มทุนหรือเปล่า งานประจำวันหลักๆต้องทำอะไร ทักษะไหนที่ต้องมี แล้วสามารถต่อยอดไปทำอะไรได้ในอนาคต รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอนถ้าพร้อมแล้วไปตามอ่านกันเลย
แนะนำตัวเอง พร้อมเล่าจุดเริ่มต้นของการมาทำงานสาย Business Analyst (BA)
สวัสดีครับ พี่ชื่อเต่านะครับ ปัจจุบันเป็น Head of Core Platforms and BA Chapter Lead พี่เคยทำงานเป็น “Project Manager” “Product Manager” และ “Business Analyst” สำหรับจุดเริ่มต้นของการเป็น BA นั้นเริ่มจากพี่เข้ามาทำงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งได้สักพัก จังหวะนั้นเริ่มมีการนำบริการโอนเงินระหว่างธนาคารโดยใช้เบอร์โทรศัพท์ หรือ เลขที่บัตรประชาชน (PromtPay) เข้ามาใช้ในวงการธนาคารเป็นครั้งแรก ทางเจ้าของ Project เองอยากได้คนร่วมทีมที่มีความเข้าใจในเรื่องของ User Journey เป็นอย่างดี พร้อมกับมีความรู้เรื่อง Business Process พอสมควร สามารถถ่ายทอดขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงหลังบ้าน ให้ทีมงานที่เกี่ยวข้อง อาทิทีม “Developer” “Compliance” ไปจนถึงทีม “Operation” ให้เข้าใจและทำงานต่อได้ พร้อมกันนี้ยังต้องช่วยเสนอแนะหาคำตอบต่างๆให้ทีมได้ ซึ่งพี่มองว่าจังหวะนั้นเป็นโอกาสให้พี่ได้เพิ่มพูนทักษะความรู้ในด้าน Business มากขึ้นจึงได้ลองตัดสินใจทำ และก็เป็นจุดเริ่มต้นของ BA นับจากนั้นเป็นต้นมา
Business Analyst ต้องทำอะไรบ้าง และ ต้องมีทักษะอย่างไร?
Business Analyst (BA) ของสายธุรกิจทั่วๆไปต้องเก่งตัวเลขวิเคราะห์ธุรกิจ ดูความคุ้มทุนต่างๆ แต่ของสายเทคโนโลยีนี้จะต่างออกไป BA จะต้องมีความรู้ในด้านเทคโนโลยีพอสมควร สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเทคโนโลยีที่นำมาใช้สร้าง Product หรือ Application และ การบริการที่ลูกค้า (User) ต้องการนั้น จะไปกระทบกับระบบ หรือ ข้อมูลเดิมของลูกค้าหรือเปล่า ถ้าให้เล่าอย่างละเอียดเลย BA จะเป็นคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างลูกค้า กับ นักพัฒนา (Dev) เป็นเหมือนล่ามแปลภาษาในสิ่งที่ลูกค้า ต้องการ แล้วถ่ายทอดให้ Developer หรือ Quality Assurance (QA) เข้าใจได้ โดย Product Owner (PO) จะเข้าไปรับทราบความต้องการของลูกค้าว่าต้องการให้ช่วยตรงไหน (Get Requirement) ในแบบภาพใหญ่ จากนั้น BA จะช่วยลงในรายละเอียด นำความต้องการมาสรุปเป็น Scope ปรึกษาทีม System Analyst (SA) และทีมที่เกี่ยวข้องเพื่อดูว่าผลกระทบที่เกิดขึ้น (Impact) จะมีอะไรได้บ้าง และคิดหาวิธีการที่จะทำให้ความต้องการของลูกค้านั้นบรรลุผลสำเร็จตามที่ต้องการได้ (Solution) และนำกลับมา Confirm กับลูกค้า ก่อนการเริ่มงาน และในช่วงการพัฒนาระบบ ทาง BA ต้องคอยช่วย Confirm Requirement ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากลูกค้าด้วย ซึ่ง BA ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยทำให้ฝั่ง Business และ Technical ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งลักษณะงานของ BA ตามที่กล่าวมา ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ IT แต่ต้องมีทักษะที่เข้าใจทั้งฝั่ง Business และ Technical
สำหรับฝั่ง Business เป็นการยากที่ BA จะเข้าใจรายละเอียดทุกอย่าง ดังนั้นต้องหมั่นเรียนรู้ด้วยตัวเองระดับหนึ่ง จากการอ่านบทความต่างๆ หรือลองเล่น App นั้นๆ เพื่อให้เข้าใจขั้นตอน (Flow) หรือ ขอแชร์ข้อมูล (Knowledge Sharing) จาก Product Owner (PO) หรือจากลูกค้าก็ได้ เพื่อจะได้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้เร็วขึ้น
ส่วนทางด้าน Technical เราไม่จำเป็นต้องเขียน Code เป็น แต่ควรเข้าใจ Technical Concept ในระดับหนึ่ง เช่น รู้ว่า “Java” “Native App” หรือ “AWS” คืออะไร เพื่ออธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้ และหากอ่าน System Flow หรือ Data Flow ได้ระดับหนึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบที่คุยกับ SA หรือ Dev ได้เข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้การมีทักษะด้านการสื่อสาร เล่าเรื่องยาก ซับซ้อนให้ลูกค้าเข้าใจง่ายก็ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเช่นเดียวกัน
สัดส่วนการทำงานในแต่ละวันของ Business Analyst เป็นอย่างไร?
งาน Business Analyst สามารถต่อยอดไปทำอะไรได้บ้าง?
BA สามารถแปลงร่างไปเป็น Product Owner (PO) ได้ หรือถ้ามีความรู้ทางด้าน Business ดีๆเลยสามารถเติบโตไปเป็นที่ปรึกษาให้แก่ผู้บริหารในบริษัทต่างๆได้ หรือผันตัวเองไปเป็นผู้บริหารของฝั่ง Business ได้เลย สำหรับ BA บางส่วนที่สนใจงานบริหารก็สามารถไปเป็น Project Manager ได้ไม่ยากเลย
คิดอย่างไรกับการเป็น Business Analyst?
ต้องบอกก่อนว่าสิ่งแรกที่ BA ทุกคนมีเหมือนกันคือความรู้ทาง Business ที่เราได้จากการทำงานซึ่งเราเอาไปต่อยอดในชีวิตได้เยอะมาก แต่สิ่งที่อยากเล่าคือ ทุกวันนี้พี่นำทักษะของความเป็น BA ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย อย่างเรื่องพื้นฐานเลย BA จะคอยคิด คอยนำเสนอทางออกของปัญหา (Solution) ให้ลูกค้าเลือกหลายๆทาง เผื่อทางออกที่ลูกค้าเลือกได้ผลลัพธ์ไม่ตรงกับความต้องการจะได้มีแผนสำรองให้เสมอ เพราะฉะนั้นเวลาพี่เจอกับปัญหา ในหัวพี่จะเริ่มคิดแล้วว่าตัวเลือกพี่มีอะไรบ้าง ซึ่งมักจะมามากกว่า 2 ทางเลือกแล้วเราก็เลือกทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเองหรือทุกคน นอกจากนี้ทักษะในการเจรจาสื่อสารก็เช่นกัน หากเราทำความเข้าใจก่อนว่าผู้ที่เราคุยด้วยเป็นใคร ต้องใช้วิธีการสื่อสารอย่างไร เหล่านี้จะช่วยทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายได้ ปัญหาที่ดูใหญ่โตก็จะลดลงและผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดีเช่นกัน
โปรดเล่าความประทับใจที่มีต่อบริษัท และ ทีมงาน
SCB TechX เป็นบริษัทที่มี Projects ให้เลือกทำหลากหลาย ไม่ได้จำกัดแต่ Financial Products หรือ Services และยังส่งเสริมให้ทีมมีโอกาสเข้าถึง Business หรือ Technology ใหม่ๆ เสมอ รวมถึงน้องๆสามารถเข้าถึงผู้บริหารได้ง่ายและเปิดโอกาสให้พนักงานในทุกระดับสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือนำเสนอความคิดเห็น ไอเดียใหม่ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ได้ตลอด นอกจากนี้สังคมใน SCB TechX เป็นสังคมแห่งการแบ่งปันและช่วยเหลือกัน น้องๆที่เข้ามาใหม่ สามารถปรึกษาปัญหาต่างๆกับพี่ๆ เพื่อนๆ ได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวตลอดเวลา
ใครอ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าต้องมีความสนใจในด้าน Business หรือ Technology ไม่มากก็น้อย หากมีทักษะในด้านการสื่อสารที่ย่อยเรื่องยากๆให้เข้าใจได้ง่ายๆพร้อมทั้งชอบคิดวิเคราะห์หาวิธีแก้ปัญหาหลายๆรูปแบบ ขอแนะนำให้ลองพิจารณาสายงานนี้ไว้ในท้อปลิสต์แล้วจะไม่เสียใจแน่นอน เพราะสายงานนี้เป็นที่ต้องการของบริษัทเทคโนโลยีอย่างมาก สำหรับบทสัมภาษณ์ครั้งหน้าใครสนใจงานสาย Product Owner (PO) ไม่ควรพลาดแล้วเจอกันค่ะ
