สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ฝนตกอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย หลายๆคนโดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศอาจมีได้รับสัญญาณเตือนเล็กๆน้อยๆจากปัญหาสุขภาพกันมาบ้าง Work Inspiration EP:5 นี้เลยขอถือโอกาสชักชวนเพื่อนๆให้หันมาใส่ใจ ทำอะไรเพื่อตัวเองกันแบบจริงจังสักหน่อย ผ่านเส้นทางการค้นหาแรงจูงใจไปออกกำลังกาย ของเพื่อนสาวสดใสของเราคุณบุ้งกี๋ อดีตคนเคยคิดว่า ถ้าใจเราวิ่ง อยู่นิ่งๆก็ผอมได้ มาเป็นแรงบันดาลใจปลุกเราขึ้นมาลงทุนกับตัวเองเพื่อผลลัพธ์ที่คุ้มค่าที่สุดแบบไม่ต้องรอ 5 ปีเห็นผลแค่เริ่มวันนี้วันต่อไปก็คุ้มทุนแล้ว 5555 ว่าแต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปตามอ่านกันเลย
ทำความรู้จักกันก่อนนะคะ
สวัสดีค่ะ ชื่อบุ้งกี๋ค่ะ ตอนนี้ทำงานเป็น Software Quality Assurance Engineer Team Lead หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า QA ค่ะ ดูแล Project Partner Ecosystem และ Partner X ใน Product group 2 ค่ะ
งานอดิเรกที่ชอบนอกจากทานอาหารอร่อยๆ แล้ว ก็จะเป็นการออกกำลังกายค่ะ ตอนนี้ที่ยังได้ทำอยู่หลักๆ มี วิ่ง วิ่งเทรล Pilates ปั่นจักรยาน Rhythm Cycling แล้วก็เดินป่าค่ะ โดยวันทำงานปกติก็จะไปวิ่ง outdoor เข้าคลาสพิลาทิส และปั่นจักรยาน Rhythm Cycling สลับกันค่ะ ส่วนวันหยุดก็จะใช้เวลาไปเข้าร่วมกิจกรรมงานวิ่ง หรือไม่ก็จะเดินป่าค่ะ ถ้าเวลาน้อยจะไปเดินป่าที่ต่างจังหวัดค่ะ แต่ถ้าเวลาและวันลาเยอะก็จะไปวิ่ง ไปเดินป่าต่างประเทศเลยค่ะ (ได้ไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะบริษัทเรามีวันลาตั้งเยอะ มีตั้ง 15 วันแหน่ะ
อะไรคือจุดเริ่มต้นให้ออกกำลังกาย และเลือกประเภทกีฬาจากอะไร?
โหยยย คำถามนี้ตอบยากเลยค่ะ เพราะเริ่มออกกำลังกายมานานมากแล้ว จุดเริ่มต้นจริงๆ น่าจะเป็นเพื่อเข้าสังคมนี่แหล่ะค่ะ เริ่มจากเพื่อนๆ ชวนไปวิ่ง Fun Run ก็วิ่งกันแบบขำๆ หน้าซีดจะเป็นลมตั้งแต่ 500 เมตรแรก แล้วเดินตลอดจนเข้าเส้นชัยคนท้ายๆ แต่เพราะแรงจูงใจที่ชอบบรรยากาศของสนามวิ่งก็เลยสมัครวิ่งเรื่อยๆ (ส่วนใหญ่เข้าไปเดินค่ะ 5555) จนวันนึงคิดว่า ร่างกายมันเริ่มไม่ไหวแล้ว ทำอะไรก็เหนื่อยมาก ติดขี้เกียจ ไปไหนใกล้ๆ ยังไม่อยากเดิน บวกกับเจอมรสุมชีวิต จึงเริ่มกลับมารักตัวเอง ดูแลสุขภาพตัวเอง ลงทุนกับตังเอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในตอนแก่ และอยากมีแรงเที่ยวไปนู่นไปนี่ได้แบบสบายๆ ไม่เหนื่อยง่าย และอยากเลิกปวดหลังด้วยค่ะ
การเลือกประเภทกีฬา อันดับแรกจะเลือกจากเป้าหมายของการออกกำลังกาย เช่น ถ้าอยากสุขภาพแข็งแรง ก็จะเลือกไปวิ่งเหยาะๆตามสวน ไปปั่นจักรยาน หรือถ้าอยากสร้างกล้ามเนื้อก็จะไป Pilates ไป Weight training ถัดมาก็จะเลือกจากความชอบส่วนตัวถ้าเป็นอะไรที่เราชอบ ทำแล้วสนุก เราก็จะอยากออกไปทำ จะรู้สึกเวลาผ่านไปไว แบบไม่ได้ฝืนใจตัวเองนัก ถ้ายังไม่แน่ใจว่าชอบอะไรก็ลองไปออกดูหลายๆ แบบก็ได้ค่ะ กว่าเราจะเจอก็ไปลองมาหลายแบบมาก
สุดท้ายเป็นเรื่องความสะดวกของการไปออก ต้องไปง่าย ไปได้เรื่อยๆ เดินทางไม่เหนื่อย ไปคนเดียวได้ ถ้าสนุกและสะดวก จะทำให้ลดแรงเสียดทานหรือข้ออ้างของความขี้เกียจไปได้เยอะมากค่ะ ยกตัวอย่างที่ทำอยู่ คือไปวิ่งในสวน มีแค่ขาสองขากับรองเท้าหนึ่งคู่ ก็สามารถออกไปวิ่งได้แล้ว (แม้หลังๆ อุปกรณ์จะงอกเพิ่มขึ้นก็ตาม) หรือ Pilates กับ Rhythm Cycling ก็ไปเข้าคลาสใน Fitness Studio คนเดียวได้เลย ต้องขอบคุณบริษัทที่มี Flexible benefit ดีๆ ให้ไปสมัคร Fitness Studio ช่วยลดรายจ่ายไปได้เยอะเลยค่ะ
ตั้งแต่ออกกำลังกายชีวิตดีขึ้นอย่างไร? ฝากแรงบันดาลใจถึงคนที่เริ่มออกกำลังกายหน่อยค่ะ?
ชีวิตดีขึ้นเยอะเลยค่ะ อันดับแรกที่ยังไม่เกี่ยวกับสุขภาพเลย คือ จะรู้สึกดีกับตัวเอง ที่ได้ทำสิ่งดีๆให้กับตัวเอง แค่เราเอาชนะใจตัวเองได้ ควบคุมตัวเองได้ มันเหมือนเป็นความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันให้เราภูมิใจ ว่าวันนี้เราสำเร็จไปอย่างนึง ถึงแม้วันนั้นทั้งวันจะเจออะไรแย่ๆ มา แต่มีอย่างนึงแหล่ะที่เรายังเอาอยู่ นิสัยบางอย่างเปลี่ยนไป เช่น ตื่นเช้าขึ้น มีวินัยมากขึ้น วางแผนและจัดการเวลาได้ดีขึ้น
ส่วนเรื่องสุขภาพก็แน่นอนอันนี้รู้ๆ กัน ผอมลงแน่นอน รูปร่างดีขึ้น (ถ้ากินดี นอนดีด้วย) หัวใจดีขึ้น การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ป่วยยากขึ้น แข็งแรงและสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว และมีแรงเดินไปเที่ยวในที่ที่รถเข้าไม่ถึง
นอกจากเรื่องร่างกายแล้วยังดีขึ้นในด้านของอารมย์และะจิตใจด้วย ให้สดชื่นแจ่มใส ประปรี้กระเปร่า มีสมาธิดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง (บางทีก็คิดงานออกตอนวิ่งนี่แหล่ะค่ะ) อารมย์ดีขึ้น คลายเครียด เพราะทุกครั้งที่ออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่มีผลต่ออารมย์ดีออกมาทั้ง เอนโดรฟิน เซโรโตนิน และโดพามีน โดยเฉพาะการวิ่ง Outdoor ตอนเช้าจะช่วยบูทเซโรโตนินได้ดีเลยค่ะ
แรงบรรดาลใจสำหรับคนเริ่มออกกำลังกาย รู้เลยค่ะว่าช่วงแรกๆ มันจะยากหน่อย แต่เราต้องหา Motivation นิดนึง พอมีเป้าหมายมันก็จะเริ่มทำได้ง่าย เช่น อยากสวยหุ่นปัง อยากไปปีน Fujisan อยากอยู่เล่นกับลูกนานๆ เป็นต้น ถ้ายังนึกแรงจูงใจไม่ออก อย่างน้อยๆเลยมันจะช่วยให้เราป่วยยากขึ้น คงไม่มีใครอยากเอาเงินเก็บที่ทำงานหลังแข็งมาทั้งชีวิต ไปรักษาตัวเองกันใช่ไหมคะ? และอย่าคิดเยอะ ให้เริ่มเลยตั้งแต่วันนี้เริ่มจากนิสัยเล็กๆ น้อยๆ ชีวิตประจำวันเราก็ได้ แค่เดินเร็ว เดินขึ้นบันได ทำงานบ้าน เปิดคลิปใน Youtube แล้วทำตาม หรืออีกวิธีที่ใช้บ่อยคือ เดินไปร้านอร่อยใกล้ๆบ้าน ให้ลองเดินแทนการนั่งรถดูค่ะ เห็นไหมคะ ไม่ยากเลย ครั้งละ ประมาณ 30 นาที 3–4 ครั้งต่อสัปดาห์ ลองจัดตารางเวลาเพื่อตัวเราเองดูค่ะ
อะไรคือเคล็ดลับในการบริหารชีวิตของคนรุ่นใหม่? และถ้าเปลี่ยนกรุงเทพได้อยากเปลี่ยนอะไร?
อย่าเรียกว่าเคล็ดลับเลยค่ะ เพราะใช้ชีวิตแบบทั่วไปมากเลยไม่ได้มีอะไรพิเศษ ก่อนอื่นก็รู้จักและเข้าใจตนเอง รู้ความต้องการของตัวเอง แบ่งเวลาทำงานให้มีเวลาออกไปใช้ชีวิต เพราะทำงานเพื่อใช้ชีวิต ไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อทำงานอย่างเดียว จัดลำดับความสำคัญ แบ่งเวลาให้ครอบครัวบ้าง ไม่ติดอยู่กับความสัมพันธ์แย่ๆ รู้จักยอมรับ ปล่อยวางกับอดีตที่ผ่านไปที่เราไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ และเดินหน้าต่อไปกับชีวิต ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ลองทำอะไรใหม่ๆ บ้างค่ะ
สำหรับกรุงเทพ ถ้าเปลี่ยนได้ตอนนี้คืออยากให้กรุงเทพฝนตกแล้วน้ำไม่ท่วม มีระบบระบายน้ำที่ไม่ต้องรอระบายน้ำนานจนท่วม อยากให้ระบบขนส่งมวลชนดีขึ้น (ทั้งรถไฟฟ้าและรถเมล์) อยากให้รถมาตรงเวลา มีป้ายบอกว่าอีกทีนาทีจะมาถึง ปรับราคาให้สมเหตุสมผลกับค่าครองชีพ ปรับปรุงระบบจ่ายเงินให้ขนส่งทุกค่ายจ่ายเงินได้ด้วยบัตรเดียว รถไฟฟ้าแต่ละสายเชื่อมต่อกันแบบถึงเลยจริงๆ (ที่ไม่ใช่ถึงทิพย์)
อยากให้มีพื้นที่สีเขียว พื้นที่ออกกำลังกายที่เข้าถึงได้ในระยะ 5 กิโลเมตร หรือพื้นที่ริมน้ำที่เป็นที่สาธารณะที่ให้ประชาชนไปนั่งเล่นสูดอากาศ ชมวิวได้มากขึ้น สุดท้ายที่ขอฟุตบาธดีๆให้ทุกคนเดินได้ปลอดภัยค่ะ
ความประทับใจที่มีต่อ SCB TechX และ ทีม
นี่อยู่ที่นี่มีมาตั้งแต่บริษัทเปิดวันแรก รู้สึกว่าที่นี่ค่อนข้างสมัยใหม่ ให้อิสระพนักงานในการทำงาน ไม่มีการมานั่งจับผิด ผู้บริหารก็ใจดี รับฟังความคิดเห็นของพนักงาน มีกิจกรรมดีๆ รวมถึง Training และ Knowledge Sharing ให้เข้าร่วมตลอด วันเกิดก็มีของขวัญและวันหยุดให้ สวัสดิการก็ถือว่าค่อนข้างดี มีงบให้ไปทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงานด้วย มีงานใหม่ๆ มาให้ทำเรื่อยๆ มีอะไรให้เรียนรู้ตลอดเวลา ทำให้เราไม่เบื่อดีค่ะ
ส่วนทีมงานก็น่ารักมาก ทุกคนตั้งใจ และใส่ใจทำงาน ช่วยเหลือกันทำงาน มีเป้าหมายร่วมกันกันคือเพื่ออยากให้งานออกมาดีที่สุด บางทีอาจจะมีเถียงกันบ้างเรื่องงาน แต่ก็ใช้เหตุผลมีเหตุผลในการคุยกัน ไม่มีขัดแย้งกันพราะเรื่องส่วนตัวหรือเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้องค่ะ จริงใจต่อกัน คุยกันง่าย และ support กันเสมอค่ะ