Work Inspiration EP 13: ปล่อยจอย ไม่ปล่อยใจ แค่ปล่อยวาง…

ไทย

พอรู้ว่าตัวตึง HR เซเลปสาวสวยสายแฟสายเกาฯ ผู้นำทุกกระแสเทรนด์ฮิตของเรายัง สายธรรมะซะด้วย ทีนี้ก็ลำบาก ก็ว้าวุ่นเลย จนต้องขอแทรกคิวเงินคิวทองสัมภาษณ์เพื่อรับพลังบวกพลังใจ ของพี่โน สุโนทัย Learning — Employee Engagement and Internal Communication Manager คนดังชาว TechXer มาแชร์ลงคอลัมภ์ Work Inspiration ให้ผู้อ่านได้รับความบันเทิงผสมสาระนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า MC มุกเยอะดาวค้างฟ้าคนนี้จะเข้าวัดเข้าวานั่งสมาธิได้เป็นวันๆ ใครสนใจไปตามอ่านกันได้เลยนะคะ

 

มารู้จักพี่โนให้มากขึ้นกันค่ะ

สวัสดีค่ะทุกคน พี่ชื่อ โน ทำงานในตำแหน่ง Learning — Employee Engagement and Internal Communication Manager ค่ะ
หน้าที่หลักๆ ดูแลการพัฒนาพนักงานทั้งด้าน Hard Skill & Soft Skill, สื่อสารข้อมูลข่าวสารต่างๆ ภายในองค์กร และ ดูแลเรื่อง Employee Experience ของพนักงานตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่เป็นสมาชิกในครอบครัว TechXer ให้พนักงานมีประสบการณ์ที่ดี ต่อบริษัท เพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ผู้บริหารและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผ่านกิจกรรมต่างๆค่ะ

 

Motto ในชีวิตของพี่คือ The more you give, the more you get

 

ส่วนงานอดิเรก เป็นแม่ค้าออนไลน์ ขายของเอาสังคม (55+) อ่านหนังสือ ทำเพจตอบปัญหาชีวิตการทำงานชื่อ “โน Answer” กับ เพจธรรมะชื่อ “ธรรมะ ธรรมดา” ซึ่ง Active ปีละ 2 ครั้ง 5555 มีร่วมกิจกรรมอาสามัคร และ กิจกรรมธรรมที่สวนโมกข์กรุงเทพฯเป็นครั้งคราวค่ะ

 

มีอะไรเป็นจุดเริ่มต้นให้สนใจเรื่องธรรมมะคะ?

จริงๆ พี่ไม่ได้เป็นคนที่ปฏิบัติลึก หรือ จริงจังมากขนาดจะแนะนำใครได้นะคะ 5555 ถือว่าเป็นการแชร์เสี้ยวเล็กๆ ของคนที่สนใจเรื่องนี้แบบเบาๆ นะคะ น่าจะตั้งแต่เด็กๆ ที่แม่ชอบพาไปวัด แม่มีลูก 4 คน แล้วพี่ห่างจากพี่น้องคนอื่นหลายปี เลยกลายเป็นลูกที่ติดพ่อแม่ พี่คนอื่นๆ เค้าก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มีเราที่ไปวัดกับแม่ ไปบ่อยๆ ก็เริ่มชอบบรรยากาศที่วัด ต้นไม้เยอะดี มันให้ความรู้สึกสงบ แล้วบังเอิญ อำเภอที่พี่อยู่ มีโบสถ์ชาว Catholic ตั้งอยู่ เพื่อนๆ รอบบ้านก็เป็นชาวคริสต์ เราก็ไปฟังคำสอนในโบสถ์กับเค้า ชีวิตวัยเด็กก็วนเวียน วัด โบสถ์ๆ แถมยังมีศาลเจ้าอีกด้วย ตอนช่วงกินเจ ก็ไปกินเจที่ศาลเจ้ากับแม่ด้วย เป็นสังคม Diversity ทางศาสนามาก คงเป็นจุดเริ่มต้นที่ให้ความสนใจเรืองนี้

 

พอเติบโตมา ก็น่าจะเหมือนกับหลายๆ คน ที่แว๊บนึง จะตั้งคำถามกับ ตัวเองว่าเอ๊ะ “เราเกิดมาทำไม” แต่ก็ไม่ได้ค้นหาคำตอบ ออกเดินทางอะไรแบบนั้น แค่คิดขึ้นมาเฉยๆ ก็เลยชอบอ่านหนังสือด้าน Spiritual อยากรู้ว่า คุรุ หรือ กูรูเหล่านั้นมีแนวคิดเรืองอะไร หนังสือที่อ่าน หลายๆ คนก็น่าจะเคยอ่าน คู่มือมนุษย์, The Prophet, คุรุวิพากษ์คุรุ, the Alchemist, The Four Agreements, สูตรเว่ยหล่าง, ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ แล้วก็หนังสือที่เขียนโดยท่านพระอาจารย์ต่างๆ เช่น พระไพศาล ส่วนเรืองการปฏิบัติเริ่มจากตอนมหาวิทยาลัย ไปร่วมแจมชมรมพุทธศานา เค้าให้นั่งสมาธิ ก็นั่งไปกับเค้า ก็รู้สึกว่าสบายดี แต่ไม่ได้อินมาก

 

จนมาทำงานปีแรกๆ ได้ลองไปปฏิบัติธรรมที่วัดสังฆทาน ไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก ไปคนเดียว คอร์ส 3 วัน วันแรกก็หลับๆ ตื่นๆ ง่วงตลอดเวลา พอมาวันที่ 2 นั่งได้ดีขึ้น นั่งสมาธินานขึ้น จนมีช่วงเวลาหนึ่งที่เรารู้สึกสิ่งรอบตัวเราหายไป ไม่ได้หลับนะ 5555 เพราะเสียงรอบๆ ตัวเรามันหายไป มารู้ตัวอีกที เหลืออยู่คนเดียวกลางลานวัด ถ้าจำไม่ผิดเริ่มนั่ง 11 โมง ลืมตาอีกที 3 โมงเย็น เป็นความรู้สึกที่แปลกใจ สบายใจ ทำได้แค่ครั้งเดียวนะ แต่ก็รับรู้ได้ว่าการนั่งสมาธิมันดี หลังจากนั้น ก็เริ่มอินมากขึ้น ปี 2009 (นานมากกกก 5555) ได้มีโอกาสเข้าอบรม 7 Habits มีกิจกรรมนึงชื่อ Facilitator ให้เขียนเกี่ยวกับ Discover Yourself ว่า

 

ถ้าฉันมีเวลาและทรัพยากรไม่จำกัด ฉันจะเลือกทำอะไร?

 

พี่เขียนว่า “บวช, เปิดสถานธรรม”

 

หัวข้อเป้าหมายที่เป็นจริงได้ในชีวิตของฉันคือ…… “บวช”

 

และ “ฉันต้องการเป็นบุคคลที่” ไม่มีตัวตน

 

นี่เราก็น่าจะอินมากจริงๆ 5555

 

ผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรมคืออะไร?

สิ่งแรกที่อยากจะบอกคือ การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งดี แต่คนปฏิบัติธรรมไม่ใช่คนดีทุกคน เช่นพี่ 5555 ที่เราปฏิบัติและสนใจเรื่องนี้ เพราะเราเห็นแก่ตัวนะพี่ว่า ก็คืออยากมีความสุข และเมื่อเข้าไปศึกษาเลยรู้ว่า คิดผิด 5555 เพราะการปฏิบัติ คือการสอนให้อยู่กับทุกข์ให้ได้ เพราะความสุข คือ ความทุกข์ที่เรารับได้ สิ่งนี้ก็ช่วยเปลี่ยนมุมมองความคิด ความคาดหวังของเราว่าจะ Balance ชีวิตยังไง ในเมื่อพื้นฐานจิตใจ ความคิดเราเต็มไปด้วยความคาดหวัง ก็เริ่มคลายได้บ้าง (ย้ำ ได้บ้าง) เช่น เมื่อก่อน ถ้าของมีค่าพัง ซึ่งดันเป็นของที่เราก็ชอบซะด้วย ยังงี้ก็ลำบาก ก็ว้าวุ่นเลย หลังๆ ก็ทำใจได้ว่า ของพังไปแล้ว ใจอย่าพังไปซ้ำเติมอีก ก็ดีขึ้น ประมาณนี้ หากพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่าง ‘ปกติ’ ถือได้ว่า ‘ปฏิบัติธรรม’ อยู่แล้วค่ะ

 

นิยามความสุขในที่ทำงานเป็นอย่างไร?

อย่างที่บอกไปว่า ความสุข คือ ความทุกข์ที่เรารับได้ แต่พอเกี่ยวกับการทำงาน นิยามนี้อาจดูระทมไปหน่อย 555 ขอตอบแบบสวยๆ แบบ MUT ความสุขในที่ทำงาน คือ การที่เราได้ทำในสิ่งที่เราตั้งใจทำ ไม่ว่างานนั้นจะเล็ก หรือ ใหญ่ แต่ถ้าเราตั้งใจทุกงานคือ Masterpiece ในใจเรา อย่างภาพประกอบนี้ “เราอาจจะไม่ได้มีโอกาสทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กๆ ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ได้“ แล้วเราก็จะมีความสุขเล็กๆ ของเราในทุกๆ วัน

 

ขอวิธีแก้อาการ Burn out จากการทำงานอย่างง่ายๆค่ะ?

ถ้าใครมีวิธี ก็อยากให้ช่วยบอกพี่ด้วย 555 สำหรับคนที่ทำงานหนักๆ ต่อเนื่อง ต้องมีช่วงเวลานี้กันบ้างแหล่ะ แต่เมื่อไรที่มีอาการท้อแท้ เบื่อหน่าย หมดไฟ

อันดับแรก อยากให้บอกกับตัวเองว่า ที่เราหมดไฟ ก็เพราะเราขยัน ทุ่มเท ตั้งใจกับการทำงานไง แสดงว่าที่ผ่านมาเราก็ไม่ธรรมดานะ เราก็เป็นพนักงานที่มี Value กับองค์กรนะ

อันดับที่ 2 ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง คล้ายๆ กับ Cheat Day ของคนที่ลดน้ำหนัก อาจจะลาพักร้อน เพื่อนอนพักผ่อน ฟังเพลง กินไอศกรีม จิบชา นั่งสบายๆ อยู่ที่บ้าน สวมบทพระเอก MV เพลง The Lazy Song

อันดับ 3 ลองคิดว่า งานเรามี Value ให้กับใครบ้าง การมีอยู่ของเราในทีมนั้นสำคัญแค่ไหน ถ้าคำตอบคือ “ใช่” รีบ Recover ตัวเอง แล้วกลับมาซะ! (ถ้าคำตอบไม่ใช่ กลับไปอ่านข้อที่ 1 ใหม่) 5555 ลองดูกันนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

Related Content

  • ทั้งหมด
  • Blogs
  • Insights
  • News
    •   Back
    • Blockchain
    • Finance
    • Tech innovation
    •   Back
    • Leadership
    • PointX Products
    • Events
    • Others
    • Joint ventures
    • Partnership
    • Services & Products
    •   Back
    • Data Science
    • Careers
    • Lifestyle
    • Product
    • Strategy
    • Technology
    • User Experience

Your consent required

If you want to message us, please give your consent to SCB TechX to collect, use, and/or disclose your personal data.

| การเพิกถอนความยินยอม

หากคุณต้องการเพิกถอนการให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล กรุณาส่งคำร้องหาเรา

Vector

Message sent

We have receive your message and We will get back to you shortly.