เมื่ออินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น หลายองค์กรจึงพัฒนาแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่างๆ ขึ้นมา เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสถาบันทางการเงิน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โรงพยาบาล ตลอดจนบริการของหน่วยงานภาครัฐ และอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของโลกเทคโนโลยีทำให้วิธีการยืนยันตัวตนแบบ KYC หรือ Know Your Customer มีความปลอดภัยน้อยลง ส่งผลให้เกิดการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (e-KYC หรือ Electronic Know Your Customer) ขึ้นมา เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับองค์กรและผู้ใช้งานผ่านระบบดิจิทัล
ในบทความนี้ SCB TechX จะพาไปทำความรู้จักกับการยืนยันตัวแบบดิจิทัล พร้อมข้อดีที่เหนือกว่าการยืนยันตัวตนแบบ KYC ทั้งในมุมมองขององค์กรและผู้ใช้บริการ
การยืนยันตัวตนแบบ KYC
การยืนยันตัวตนแบบ KYC เป็นกระบวนการยืนยันตัวตนแบบดั้งเดิมที่ธนาคารและหน่วยงานภาครัฐต่างๆ นิยมใช้ โดยผู้เข้ารับบริการหรือลูกค้าจะต้องยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ด้วยบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรประชาชน นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และข้อกำหนดขององค์กรนั้นๆ อาทิ ทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นๆ ที่ออกโดยราชการ ซึ่งมีชื่อ นามสกุล และเลขบัตรประชาชน
ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนแบบ KYC ไม่สามารถตอบโจทย์องค์กรและผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ผู้คนต้องการความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการยืนยันตัวตนแบบ KYC ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหลายประการ เช่น การปลอมแปลงเอกสาร การทุจริตภายในองค์กร ไปจนถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัล
การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัลมีหลายรูปแบบ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มของหน่วยงานสำหรับยืนยันตัวตนได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยรูปแบบการยืนยันตัวตนแบบดิจิทัลที่นิยมใช้ ได้แก่
1. การพิสูจน์ตัวตน 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication)
การยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่าน 2 ชั้น ที่ระบบส่งให้ผู้ใช้งานในการพิสูจน์ตัวตน เช่น รหัส OTP ( One Time Password) หรือรหัสโทเคน (Token) เป็นต้น
2. การยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวภาพ (Biometric Authentication)
วิธีการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ใบหน้า รูม่านตา หรือเสียง เป็นต้น โดยระบบจะทำการอ่านข้อมูลชีวภาพเหล่านี้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
3. การยืนยันตัวตนด้วยความรู้ (Knowledge-Based Authentication)
วิธีการยืนยันตัวตนด้วยการตอบคำถามเฉพาะบุคคล เช่น ชื่อสุนัขตัวแรก ชื่อโรงเรียนมัธยม และอื่นๆ โดยระบบจะให้ผู้ใช้งานตั้งค่าคำตอบที่ถูกต้องไว้ในตอนแรก
การยืนยันตัวตนแบบ NDID
การยืนยันตัวตนแบบ NDID หรือ National Digital ID เป็นการยืนยันตัวแบบดิจิทัลรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยเป็นแพลตฟอร์มกลางสำหรับพิสูจน์และยืนยันตัวตนของภาครัฐไทย นำร่องพัฒนาโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปรียบเสมือนบัตรประชาชนดิจิทัล ซึ่งสามารถใช้ยืนยันตัวตนกับหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้
การลงทะเบียนในระบบ NDID สามารถทำได้ด้วยการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและรูปถ่ายใบหน้า โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในระบบและเชื่อมโยงกับองค์กรในเครือข่ายผ่านบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้ยืนยันตัวตนได้ในครั้งถัดไป
ข้อดีที่เหนือกว่าของการยืนยันตัวตน NDID
1. ความปลอดภัยสูง
เนื่องจากข้อมูลถูกเก็บอยู่บนระบบบล็อกเชน ซึ่งมีความโปร่งใสและปลอมแปลงได้ยาก ทำให้มีความปลอดภัยสูง
2. สะดวกสบาย
ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวกขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนมากมาย หรือต้องยืนตัวตนทุกครั้งที่ใช้บริการต่างๆ
3. ประหยัดเวลา
ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสาขาขององค์กรนั้นๆ เพื่อทำธุรกรรมและยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่โดยตรง ทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทางและรอคิว อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงานอีกด้วย
4. ลดต้นทุนให้องค์กร
องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องว่าจ้างทรัพยากรบุคคลเพิ่ม
ยกตัวอย่างบริการยืนยันตัวตนของ SCB ซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนแบบ NDID ที่ผู้ใช้งานสามารถลงทะเบียนได้ผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy หรือธนาคาร SCB ทุกสาขา ซึ่งช่วยยกระดับการทำธุรกรรมทางการเงินให้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
การยืนยันตัวตนแบบดิจิทัลและเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing Technology)
หนึ่งในเทคโนโลยีที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการยืนยันตัวตนแบบ eKYC คือ คลาวด์คอมพิวติ้งแพลตฟอร์ม (Cloud Computing Platform) ซึ่งช่วยให้องค์กรจัดเก็บ ประมวลผล จัดการ วิเคราะห์ และนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยองค์กรสามารถเข้าถึงประสิทธิภาพสูงสุดของคลาวด์คอมพิวติ้งแพลตฟอร์มได้ ด้วยคลาวด์โซลูชัน (Cloud Solutions) ซึ่งควรเลือกใช้คลาวด์โซลูชันที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละองค์กรได้อย่างลงตัว
แนะนำ Cloud Solutions ของ SCB TechX
SCB TechX พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือองค์กรของคุณในการใช้งานคลาวด์อย่างมีประสิทธิภาพ
และยังมีการให้บริการอื่นที่พัฒนาบน Cloud Infrastructure เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรต่างๆ อาทิเช่น e-KYC, KYC และ NDID ที่องค์กรสามารถใช้ในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าได้โดยไม่ต้องพัฒนาระบบขึ้นมาเอง หากองค์การใดที่มีความต้องการการใช้งาน สามารถติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญบริการ Cloud Solutions ของเราได้ที่ Email: contact@scbtechx.io
ติดตาม SCB TechX เพื่ออัปเดตข่าวสารใหม่ๆ ก่อนใคร
Facebook: SCB TechX
Medium: medium.com/scb-techx
LinkedIn: www.linkedin.com/company/scb-tech-x/
YouTube: SCB TechX